Monday, 25 January 2016

พาซีอุยไปไต่ดอยอินทนน์ ขุนวาง ตอนที่2

พาซีอุยไปไต่ดอยอินทนน์ ขุนวาง ตอนที่2

จบตอนที่หนึ่ง พวกเราไปไม่ถึงยอดดอย หมดเวลาที่วางไว้ ต้องกลับมาเก็บของแล้วไต่ดอยกันอีกรอบ เพื่อไปขุนวางกัน


14.00 น. เก็บข้าวของเสร็จ พร้อมออกเดินทาง

 เจอเนินแรกก็ต้องจอดพักเหนื่อยกันแล้ว เวลาเหลือเฟือ เพิ่งจะบ่ายสอง ขึ้นเขาอีกแค่แปดกิโลเอง



ทางจากซัวย่าไปศูนย์อนุรักฯ สวยดี ด้านซ้ายเป็นภูเขา ด้านขวาเป็นเหว  มีต้นสนสองข้างทาง เหมือนแถววัดจันทน์ บางช่วงวิ่งบนสันเขา มีดอกพญาเสือโคร่งบานสลับไปทั้งสองข้างทาง ถึงจะเป็นชีวิตขาขึ้นก็เพลินดี อากาศเริ่มเย็นแล้วด้วย




ถึงศูนย์อนุรักพันธ์พืช รองเท้านารี เป็นยอดดอยสุดท้ายสำหรับวันนี้ ข้างบนอากาศเย็นขึ้นมาทันที และลมแรงมาก แวะกินกาแฟสดชงโดยชาวเขาหน่อย แต่แพงนะ

 เลยยอดเขามาได้ก็ไหลลงยาวแปดกิโล เมือนรถจักรยานติดมอเตอร์ ข้างทางมีร้านกาแฟ รีสอท ตกแต่งสวยงาม เสียดายปล่อยไหลลงกันสนุกสนาน ชีวิตล่องลอย ถนนเรียบ ทางยาวๆ โค้งน้อยๆ ลงกันความเร็ว 55-60 นุ่มมาก เลยไม่ได้แวะไหนเลย



ถึงแยกบ้านขุนวาง แวะร้านชำซื้อกับข้าวสดไปทำกินกัน มื้อนี้เตรียมเส้นผัดไทยสำเร็จรูปมา เลยหาซื้อไข่ ผักสด กับหมูยอมาใส่หน่อย  และติดหมูกระเทียมสำเร็จรูปไปอีกแพ็คเผื่อไว้ อากาศเริ่มเย็นแล้ว กว่าจะถึงลานกางเต๊น ยังมีเนินย่อมๆอีกกิโลกว่า


ลานกางเต๊นท์ของโครงการหลวง คิดค่ากางเต๊นท์ 100 บาท ต่อเต๊นท์ เรามาเต๊นท์ละคน ขาดทุนป่นปี้เลย  แต่ห้องน้ำสะอาดดี  มีจุดชำระล้างถ้วยชาม  ฝั่งตรงข้ามก็เป็นสถานที่ไปดูดอกพญาเสือโคร่ง

 กางเต๊นท์เสร็จฟ้าเริ่มมืด รีบเตรียมอาหารกันก่อน  จริงๆที่นี่ด้านหลังที่พักมีร้านอาหารสารพัด หมูกะทะ ยำ กับแกล้ม อาหารจานเดียว เครื่องดื่มฯลฯ มีครบหมด แต่สำหรับมื้อเย็นเราชอบทำกินกันเองมากกว่า ถ้าไม่ปั่นกันเหนื่อยจนเกินไป หรือหิวโซ ไม่ค่อยซื้อกินเท่าไหร่
ดูออกหรือเปล่าว่า นี้คือผัดไทย ใส่ผักกาดขาว หมูยอ กินกันอย่างเดียวก็อิ่มแล้ว หมูกระเทียมเก็บไว้พรุ่งนี้เช้าดีกว่า


เก็บล้างของคาวเสร็จ ต่อด้วยของหวาน มันต้มขิง มันก็หาซื้อเอาตามทางราคาไม่แพงเลย  ทริปนี้มีเยลลี่ด้วย ทำไว้ตอนกลางคืน ไว้กินตอนเช้าพอดี ไม่ต้องแช่ตู้เย็น
 

นั่งคุยเล่นกันเพลินๆ สามทุ่มกว่าหมอกลงจัด ขาวไปหมด อากาศหนาวขึ้นมาทันที สักพักเริ่มมีเม็ดฝนเม็ดโตๆ หล่นลงมา ทำให้ต้องแยกย้ายกันเข้าเต๊นท์แล้ว  คือนี้ผมก็ผูกเปลนอนฟังเสียงฝนกระทบทาร์ปดังแปะปะๆ ตี่นมาตีหนึ่งหนาวมากเดินไปห้องน้ำฝนยังลงปรอยๆ ต้องไปหาถุงนอนมาห่ม ตรวจอุณหภูมิดู เหลือประมาณ4-5องศา 

เมื่อคืนอากาศเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เช้ามาหมอกลงขาวโพลน มีฝนตกปรอยๆตลอด อุณหภูมิอยู่แถว 10 องศา ด้วยความเคยชินหกโมงกว่าก็ลุกกันแล้ว ดีที่ผมเอาเปลมุ้งไป พอเก็บเปลออกก็มีหลังคาใช้นั่งเล่นกันได้สบาย ไม่ต้องกลัวฝน ได้ประโยชน์หลายอย่าง แผ่นรองนอนตอนกลางคืนก็เอามาปูนั่งได้เลย

อากาศหนาวๆแบบนี้ กาแฟสดร้อนๆ อร่อยสุดยอด

ปกติก็จะแค่ต้มกาแฟ กินขนมกัน วันนี้อากาศปิด ฝนก็ไม่หยุด นั่งกันยาวจนสิบโมงกว่า เลยเอาหมูกระเทียมมาทอดกินกันตอนเช้า ซะเลย  และเยลลี่ที่ทำไว้เมื่อคืน แข็งน่ากิน จับสตอเบอรี่สดมาแต่งหน้าหน่อย สนุกดี

รอจน11โมงก็ไม่มีทีท่าว่าฟ้าจะเปิด ฝนก็ยังตกปรอยๆ ตัดสินใจไปดูกันเปียกๆแบบนี้แหละ อุตส่ามาถึงที่แล้ว ตอนมาก็ต้องลุ้นว่าพญาเสือโคร่งจะบานพอดีหรือเปล่า หรือจะร่วงหมดแล้ว สุดท้ายเจอหมอกขาวไปหมด ได้บรรยากาสไปอีกแบบ 














เที่ยงกว่าอากาศยังไม่ดีขึ้นเลย ชวนขี้เกียจน่าดู แต่เราต้องไปกันแล้วไม่ว่าจะยังไง เพราะต้องไปขึ้นรถทัวที่เชียงใหม่รอบหนึ่งทุ่ม จากแผนที่วางไว้วันนี้คงขี่กันสบายๆ ลงยาวๆ กลายเป็นไม่สบายซักเท่าไหร่ ต้องลงเขาชันๆ ฝนตกพรำๆ อากาศเย็น หมอกปกคลุมตลอดทาง ถนนก็ลื่น แต่ก็ต้องไปละ 

กลับมารีบเก็บของ ออกเดินทางกันเลย ช่างหนาวเหน็บดีจริงๆ 
ผมขี่ไปสั่นไปจนลืมดูว่าไฟหน้าหลุดกระเด็นไปตอนไหนไม่รู้ เสียของรักไปเลยทริปนี้


ลงมาได้สักสิบกิโลเจอหมู่บ้าน เมฆหมอกหายไปแล้วมาจอดหาของกินผิงไฟแก้หนาวกันสักหน่อย พอจะออกเดินทางฝนก็เทลงมาหนาเม็ด ลุยกันทั้งหนาวๆไปโลด



ขากลับต้องลงเขายาว เกือบ30 กิโล แล้วปั่นทางเรียบเข้าเชียงใหม่กันอี30กว่าโล ช่วงลงเขาชันมากป้ายบอกความชัน 8% มีให้เห็นตลอดทาง แต่รถไม่เยอะ ทางดีตลอดลงเขากันสบาย จากประสบการณ์ของพวกเรา ฝนจะตก จะหนาวสั่นยังไงก็พอไหว


จริงๆเวลาผมอ่านทริปที่ปั่นกันเมืองหนาว เคยคิดว่าเราจะทนไหวเหรอ มาเจอครั้งนี้ ไหลลงเขาแถวๆสิบองศา กับฝนตกพรำๆตลอดทาง เท้าเปียก ถุงมือเปียก หน้าเปียก มีเสื้อฝนบางๆตัวนึง บังคับรถลงเขามือไม้สั่นไปตลอดทาง แต่รู้ว่ามนุษย์อย่างเรานี้มันทนกว่าที่คิดเยอะ ยังทนได้อีกนะความหนาว




อีกไม่กี่กิโลจะออกถนนใหญ่เจอทางกำลังซ่อมสักสองกิโล เละเทะเป็นโคลนสนุกสนานกันทั่วหน้าเลย ฝนก็ดันหยุดพอดีซะด้วย ยิ่งเละกันหนักเข้าไปใหญ่ พอถึงสี่แยกวิงเข้าปั๊มแอบเอาสายยางฉีดน้ำล้างโคนกันก่อน จากจุดนี้ยังต้องปั่นไปขึ้นรถทัวร์ที่อาเขตอีกยี่สิบกว่าโล พอออกถนนใหญ่ฝนลงแรงขึ้น ปั่นกันจนแทบจะตกรถทัว แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนาน น่าจะจำไปอีกวัน ถ้าธรรมชาติไม่กลั่นแกล้งเราในวันนั้น คงมีโอกาสทรมาณบันเทิงแบบนี้ได้ยาก