Sunday 22 February 2015

Micro adventure : พาซีอุยไปเขาใหญ่ ครั้งแรก

22 กันยา 58 วัน car free day พอดี ไปเช้าเย็นกลับเลย 

ทริปแรก ที่พาซีอุยไปไต่เขาใหญ่ เป็นการไต่เขาจริงจังครั้งแรกของผมกับรถพับและชุดขับเคลื่อนสภาพเดิมๆจากร้าน ไม่ได้ขนของมาด้วย ทริปแรกขอทดสอบความสามารถในการไต่ก่อน ยังไม่มั่นใจ
รายงานเป็นตัวเลขได้แบบนี้
-เช้าเย็นกลับเลย
-ขึ้นรถไฟฟรีที่สถานีหัวหมาก 6.40
-เริมสถานีรถไฟปราจีน 9.10
-แวะ711 วงเวียน ซื้อน้ำ ขนมปัง ถึงหน้าด่าน 10.10
-น้ำตกเหวนรก 11.10
-แวะพักสะพาน 10 กิโลจากเหวนรก 12.00
-ถึงด่านเขาเขียว 13.00
-ศูนย์บริการ 13.15
-ขากลับไม่มีไรมากปล่อยให้แรงดึงดูดจัดการแทน ซีอุยลงเขามันมาก ใส่ได้ไมาต้องยั้งเลย นิ่งมากๆ

ช่วงเช้าระหว่างทางเจอเพื่อนจะไปร่วมงานคาร์ฟรีเดย์ หน้าโรงพยาบาลสมิติเวช แวะไปชมสักหน่อยเผื่อจะได้เสือสวยๆบ้าง คนเยะเลย ไปดีกว่า

มาขอตั๊วรถไฟขบวนอะไรจำไม่ได้ ไปอรัญประเทศ ถึงสถานีหัวหมาก 6.40 น. ขบวนนี้สมัยก่อนมีตู้สินค้าพวกเราจะเอาจักรยานขึ้นไปปั่นเขาใหญ่กันเป็นประจำ ระยะหลังมาตู้สินค้าพัง ทำให้รถจักรยานเสื้อภูเขาไม่สามารถใช้บริการได้ น่าเสียดายจริงๆ แต่เรารถพับ พับให้เรียบร้อย ทำหน้าเรียบร้อย อย่าเกะกะขวางทางผู้อื่น ก็ไม่เสียค่าระวางครับ ฟรีหมด ดีใจจริงๆ


วันนี้ไปแบบขำๆ เพราะไปเช้าเย็นกลับ พกกระเป๋าน้อยไปใบเดียว เอาไว้ใส่ของจุกจิก ใส่น้ำ ใส่ขนมเป็นสะเบียงระหว่างทาง

รถไฟมาแล้ว หมายเลขหัวรถจักร 4118 ลากตู้โดยสารมาแปดตู้ได้


โชคดีขึ้นตู้ที่สอง มีอ่างล้างหน้าพอดี เอาจักรยานวางใต้อ่างได้ ไม่เกะกะ คนไม่แน่นมาก ระยะหลังใช้บริการรถไฟบ่อยค้นพบว่าตู้หน้าๆจะคนว่าง ตู้หลังคนจะแน่น เพราะพอเห็นตู้หน้าไม่มีที่นั่งคนก็จะเดินไปด้านหลัง พบว่าคนแน่นก็จะขึ่เกียจเดินมาตู้หน้าแล้ว เลยทำให้ตู้หน้าไม่มีคนยืนเลย แต่ตู้หลังๆคนยืนแน่นหมด


โค้งซ้ายออกจากสถานีแปดริ้ว วันอาทิตย์คนก็เต็มเหมือนกัน นึกว่ารถจะว่าง


ทุ่งนาเขียวขจีกว้างใหญ่ไพศาลมาก แถวบางน้ำเปรี้ยว ซื้อข้าวเหนียวไก่ทอดมากินบนรถไฟก็เพลินดี


ถึงสถานีปราจีนบุรีแล้ว ตรงเวลามาก มีอยู่ครั้งโดยเกือบสิบเอ็ดโมงกว่าจะถึง การขึ้นเขาใหญ่วันนี้ กลุ่มเพื่อนขึ้นไปนอนบนเขาตั้งแต่เมื่อวาน ตามมาทีหลังต้องขึ้นคนเดียว ไม่ต้องพาของไปเยอะ เพราะขึ้นแล้วลงเขา กลับพร้อมเพื่อนๆเลย ต้องการมาทดสอบรถพับล้อ20นิ้วในการปั่นขึ้นเขาด้วย ถ้าดีครั้งหน้าจะได้มาแบบเต็มยศ เผื่อจะได้เอาไปหลวงพระบางมันซะเลย




เพราะฉะนั้นลงรถไฟได้ก็ไปโลดเลย ไม่ต้องโอ๋เอ๋กันแล้ว 10.10 ถึงหน้าด่านเลย แวะที่วงเวียนซื้อน้ำขวด 1.5 ลิตรกับขนมปัง ลูกอมนิดหน่อยติดเป็นสะเบียงระหว่างทาง ค่าเข้า 40 บาท จักรยานไม่คิด ตั้งแต่นี้ไปก็ขึ้นตลอด จุดแรกคือน้ำตกเหวนรก ประมาณ10กิโล คนอื่นเค้าว่าช่วงนี้โหดสุด เพราะชันมาก แต่ผมว่าช่วงนี้กระจอกสุดเลย


11.10 ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงพอดี ถึงเหวนรก ที่นี่มาร้านค้าเล็กๆ จุดสุดท้าย แต่ของแพงกว่าปกตินิดหน่อยนะ ถือเป็นจุดพักแรก เตรียมตัวเตรียมใจขึ้นเขายาวๆอีกประมาณ20กิโล ต้องเติมเกลือแร่สักหน่อย เพราะอากาศร้อนมาก แดดเปรี้ยงเลย และผมเตรียมชุดแบบสู้ฝนมา พวกผ้าบัฟ ปลอกแขน ผ้าปิดหน้าไม่ได้พกมาเลย ที่สำคัญใส่อีแตะมาด้วย และมาคนเดียวรูสึกว่าขึ้นมาเร็วไปหน่อย รถพับมันมีแค่สองจาน เลยต้องคุมความเร็วไว้ อย่าเกิน10 เดียวคุณตาคริวจะถามหาเอา

ใครมาถึงที่นี้ถ้าไม่เหนื่อยก็ลงไปชมน้ำตกเหวนรกได้นะครับ สวยมาก ผมไปชมมาแล้ว ขึ้นเขาใหญ่ครั้งแรกก็ไปเลย



ไต่มาอีก10โล แวะพัก กินขนมที่สะพาน ตั้งใจจะไปรวดเดียวถึงด่านเขาเขียว แต่รู้สึกจะไม่ไหว แวะหน่อยดีกว่า เพื่อนๆไหลลงไปทางปากช่อง ไปกินส้มตำไก่ย่างกันแล้ว กว่าจะไต่กลับมาคงบ่ายพอดี ไม่ต้องรีบมาก

ตอนขึ้นมีช้างมาเดินเล่น ทำเอาเสียวตลอดการเดินทาง ยิ่งปั่นคนเดียว รถยนต์ก็น้อยๆ ถ้ากำลังค่อยๆไต่ไปจ๊ัะเอ๋กับพี่ช้าง ต้องคอยเตือนตนเองว่าต้องหันหลังลงเนินนะ อย่าดันปั่นหนีขึ้นเนิน เดียวนอกจากตะคริวกินแล้วยังเจอพี่ช้างตืบเอาอีก



มาถึงครึ่งทางแล้ว ซีอุยยังปฏิบัติหน้าที่ได้ดีมาก อะไรๆในใจที่หวั่นๆ ถือว่าไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ก่อนไปกระโหลกกลวงลูกปืนแตกปั่นดังตะล็อกต๊อกแต๊กไปตลอด เก็บไว้ฟ้งแทนเสียงเพลงไปตลอดทาง ชุดขับเคลื่อนสองใบติดรถเพียงพอสำหรับการไต่เขา จะรถเปล่าหรือมีของ ถ้าขี่ขึ้นได้ก็คือได้ ไม่แต่ต่างกันมากนัก ขึ้นจนถึงเหวนรกยังเก็บเฟืองใหญ่สุดไว้ได้อันนึง ไม่ได้ใช้หมดทุกเฟืองก็ขึ้นได้ แต่ถ้าใช้หมดเลยดีกว่า สบายขากว่ากันเยอะ แต่ถ้าเจอเส้นทางขึ้นชันๆยาวๆอย่างภูทับเบิก ปางอุ้ง รับประกันว่าไม่สนุกแน่นอน โบกรถขึ้นไปง่ายกว่าเยอะ แต่ก็ไม่ใช้ว่าจะไปไม่ได้นะครับ เพียงแต่อาจจะไม่ภูมิใจที่ไม่ได้ขี่ขึ้นไปเอง ก็แค่นั้น


เบาะบรุ๊คที่อุตส่าห์เก็บเงินซื้อมาใส่ ทำงานได้คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ ช่วยรับหน้าที่ทะเลาะกับก้นผมได้ตลอดทาง แถบจะลืมไปเลยว่ากำลังขมิบก้นกดบันไดขึ้นเขาอยู่ เวลากดบันไดหนักๆ นั่งได้เต็มก้น ไม่ต้องกังวล รู้สึกการให้ตัวของเบาะได้ชัดเจน เบาะตัวเก่าขึ้นเขาจะจบด้วยการแสบตูด ต้องคอยยกตูด เบี่ยงแก้มก้นซ้ายทีขวาทีตลอด 555 ของเค้าดีจริง ไม่ได้ชม
รถพับล้อ20นิ้ว คันเล็กๆ กับขี่ขึืนเขาได้สนุกไม่แพ้รถใหญ่ โดยเฉพาะตอนลงเขารู้สึกมั่นคงมาก ปล่อยลงมาความเร็วห้าสิบกว่า นิ่งๆ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
มีปัญหาไปทะเลาะกับบันได้ เวลโกร แบบปลดเร็วแทน ได้ตัวจุกแดงๆสำหรับปลดเร็วมันเกะกะมาก คอยจะมาดันรองเท้าตลอดเวลา และที่พลากอย่างแรงคือใส่รองเท้าแตะไป ก็ยังสงสัยทำไมตะคริวจ้องจะกินตั้งแต่ออกจากเหวนรก เกลือแร่ก็กิน น้ำก็กิน เพิ่งนึกได้ว่ารองเท้าแตะมันไม่อยู่กับร่องกับรอยเอาซะเลยถึงแอ่งกะทะแล้วก็แสดงว่าชีวิตขาขึ้นจบลงแล้ว

ปั่นไปศูนย์อาหารรอสมาชิก ตอนแรกว่าจะไหลไปสมทบที่ปากช่อง ปรากฎว่าขึ้นมาถึงจุดชมวิวกันแล้ว ขึ้นกันเร็วมาก ใช้เวลาแค่ชั่วโมงครึ่ง ไม่พักกันเลย

ขาลงเพื่อนจดรถไว้หน้าด่าน ไม่ต้องปั่นไปถึงตัวเมืองสบายไป ตอนแรกกลัวนะ ล้อเล็กๆลงเขา โดยเฉพาะถ้าเบรคยาวๆ ขอบล้อร้อนมาก แต่ปรากฎว่าซีอุยลงได้มันมาก ลงได้นิ่งกว่ารถใหญ่อีก ปล่อยไหลแบบไม่ต้องเบรคกันเลย แต่สงสัยว่าทำไม่มันจำกัดความเร็วไว้ไม่เกิน50 ทำยังไงมันก็ไม่เลย50 ชนาดแอ่งกะทะก็ได้แค่ 58 แต่รถใหญ่ได้หกสิบกว่า ยิ่งทางโค้งรถคันใหญ่มันจะเร็วมากต้องคอยเบรคตลอด แต่ล้อซีอุยเหมือนมันหนึดๆ ไม่ยอมเร็วกว่านี้เลย พออย่ากจะลดความเร็วแค่เปลี่ยนท่านั่งให้ตัวปะทะลมหน่อยมันก็หนืดแล้ว หรือว่ารถมันเบาไปหน่อย


อาทิตย์ถัดไปก็เอาพับขึ้นเขาใหญ่อีกรอบ แต่รอบนี้นั่งรถเพื่อนไปจอดหน้าด้านเนินหอมเลย พอลงรถก็ไต่ขึ้นกันเลย ค้างหนึ่งคืน อีกวันก็ลงมาขึ้นรถกลับ พอดีมีธุระช่วงบ่ายกัน ต้องรีบกลับ กทม. รอบนี้แบกของไปเยอะหน่อย ขึ้นบ่อยแล้วเลยรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้มาบันทึกเอาไว้  แต่รอบนี้ขากลับโดนฝนตกหนัก รถผูกไว้หลังกระบะ ผ้าคลุมเบาะของบลุ๊คเอาไม่อยู่ ไม่ได้คลุมถุงพลาสติกอีกชั้น เบาะบรุ๊คนุ่มนิ่มไปเลย ผมเองก็ไม่ทันสังเกตขี่มาจนถึงบ้าน พอถอดผ้าคลุมออกถึงเห็นหนังซึมน้ำสีเปลี่ยนไปจากส่วนที่ไม่โดนน้ำ จับดูนิ่มป้อแป้ เลยต้องจอดไว้ให้แห้งสามสี่วันถึงเอามาขี่ พบว่าเบาะเบี๊ยวไปด้านนึง แล้วก็ยุบเป็นรอยตูดมากขึ้น แต่ก็ยังนั่งสบายดีอยู่ คิดว่าขี่ไปสักพักคงเข้าที่เข้าทาง (มาอัพเดทว่าไม่เข้าที่เข้าทางแล้วเจ๊งเลย เบี้ยวตามตูดเจ้าของขายใครก็ไม่ได้แล้ว แต่นั่งสบายดีเหมือนเดิม 17 มี.ค.59)