Friday 31 July 2015

Mini trip เส้นทางสังคม-เชียงคาน Part 2

30-30 กรกฎาคม 58 เข้าพรรษา ที่อำเภอสังคม - เชียงคาน Part 2.

จากท่าลี่ มาเชียงคาน ทางสวย มาก มีทุ่งนา ป่าไม้อยู่ด้านซ้าย ด้านขวามีลำน้ำโขง เรียกว่าเบื่อแม่น้ำโขงไปเลย





 บรรยากาสยามเช้า ปั่นจักรยานขนานไปแม่น้ำโขง ตามยอดเขามีหมอกปกคลุมด้วย น้ำแม่น้ำโขงเพิ่งขึ้นมาเต็มตลิ่งก่อนเรามาสองวัน ถ้าอาทิตย์ที่แล้ว แห้งลงไปหลายเมตรเลย
 แวะเติมพลังมือเช้าก่อน ร้านอาหารข้างทาง ง่ายๆ ราคาไม่แพง ได้กินของแปลกๆ พื้นเมืองของชาวบ้านด้วย
มาแบบนี้คงไม่ต้องทัวริ่งให้รุงรัง พกเสื้อผ้ามาซักสองชุด กับตังมาก็พอ ขี่เล่นๆ สนุกดี แต่ถ้าอยากได้บรรยากาสนอนเต๊นท์ก็มีข้างทางเยอะแยะน่านอนครับ ตามแต่จะสะดวก โดยเฉพาะบ้านไทดำน่าค้างคืนมาก ผมเอาเปลไปผูกนอนเพลินเลย แต่ทริปนี้เพื่อนขอมาแล้ว อยากสบาย เลยจัดไป ค่าที่พักก็ไม่แพง หนักกินหน่อยเท่านั้น





ผ่านหมู่บ้านอะไรสักอย่าง กำลังเกี่ยวข้าวกัน แวะไปลองสักหน่อย ถ้ามีเวลาน่ามานอนแถวนี้สักคืน ผู้คนอัธยาศัยดี น่าสนุกดี มาใช้แรงงานแลกข้าว ที่นอน
 แวะร้านกาแฟสดริมโขง ก่อนถึงแก่งคุดคู้ มองไปทางซ้ายก็เห็นแก่งคุดคู้แล้ว



 จากแก่งคุดคู้มมองออกไปกลางภาพ เห็นริมเขื่อนของร้านกาแฟที่แวะพักกัน
เวลาขี่จักรยานท่องเที่ยวทางไกล ถึงจุดหมายแล้วก็มีความสุข วันนี้เวลาเหลือเยอะเชียว




 แวะกินมื้อกลางวันกันที่แก่งคุดคู้ จัดไปหลายอย่าง ร้านนี้ก็เมาผงชูรสเช่นเคย

 ของฝากมีชื่อของเชียงคาน มะพร้าวแก้ว ทำใหม่ๆ สดๆ อร่อยดี

 แวะวัดท่าแขก ปากทางเข้าแก่งคุดคู้







มุมมหาชนเลย มุนนี้เห็นถ่ายรูปกันเยอะมาก

ช่วงบ่ายๆคนยังไม่เยอะ ร้านค้าเพิ่งจะเปิดกัน


ปั่นหาที่พักกัน ไปจนสุดทาง ความคิดคือ ยิ่งไกลยิ่งถูก   แต่ถ้าริมน้ำละ ไงก็แพง

ได้แล้วเกือบจะสุดทาง สองห้อง ไม่อยู่ติดน้ำ แต่ราคาไม่แพง มีที่จอดจักรยาน ที่นั่งเล่น


 ตกเย็นก็ออกไปเดินเล่นกัน คนอื่นเค้าเช่าจักรยานปั่นกัน แต่เราอยากเดิน






เดินไปจนสุดทาง ริมเขื่อนไปดูพระอาทิตย์ตกที่แม่น้ำโขง




ตลาดมืดที่เชียงคานก็เหมือนกับทุกที่ ของกิน ของที่ระลึก วันนี้ไม่อากาศไม่หนาว ไม่ร้อน กำลังสบาย เดินจนหมดแรงก็กลับมานอน

วันสุดท้ายขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพทุ่มนึง มีเวลาเหลือเฟือ ตัวเชียงคานเองก็ไม่ค่อยมีอะไรเที่ยว ถ้าไม่ใช่นักซ๊อป นักชิม วัดก็กลายเป็นที่จอดรถซะหมด เพื่อนตั้งใจไปถ่ายรูปใส่บาตรข้าวเหนียวเช้าๆ ฝนก็ลงจนสายถึงจะหยุด สรุปว่าต้มกาแฟกินขนมกันหน้าห้องรอฝนหยุด
หม้อกาแฟแบบนี้หนัก แต่คุ้มค่ากับการแบกมามาก เช้าๆ ตอนน้ำเดือดพ้นควันฉุย กลิ่นกาแฟหอมฟุ้ง ตามด้วยกาแฟเปล่าๆ เข้มๆ กินกับขนมหวาน สดชื่นดีจริงๆ











 วันนี้เก็บข้าวของเสร็จคืนห้อง ฝากกระเป๋าไว้ที่ที่พัก ขี่รถเปล่าเที่ยวกัน เช้าไปหาข้าวกิน ได้ร้านไข่กระทะร้านดัง 40 บาท ผมว่าอร่อยสู้ที่หมู่บ้านสัมมากรไม่ได้เลย กินเสร็จเดินชมพื้นเปียกริมเขื่อน ขี่ไปดูด่านชายแดนถาวรของไทยข้ามไปลาว มีเรือข้ามฟากคนละ 50 บาท ทำบัตรผ่านชั่วคราวเที่ยวได้ 3 วัน แต่ไปออกด่านอื่นไม่ได้ ต้องกลับที่เดิม ด้านทางฝั่งลาวยังไม่เป็นด่านถาวร หลังจากนั้นให้gps พาลัดเลาะไปชมศูนย์วัฒนธรรมไทดำกัน แค่ 14 โล เวลาเหลือเฟือ ดูรูปแล้วกัน มันไม่ค่อยมีอะไรตื่นเต้น


ทางผ่านหมู่บ้าน เงียบสงบ มีเนินเล็กๆน้อยๆ ทุ่งนาสองข้างทาง สวยครับ รถแทบไม่มีเลย ชาวบ้านก็โบกมือทักทายพวกเราตลอด ได้อารมณ์เหมือนขี่ในลาวเลย


ถึงแล้ว "บ้านพิพิธภัณฑ์ไทดำ นาป่าหนาด" เราก็ปักหลักนอนเล่น นั่งเล่นกัน มีเพื่อนเราคนหนึ่งศึกษาภาษา วัฒนธรรม กลุ่มชาติพันธ์ต่างๆ มากเป็นพิเศษ ได้โอกาสใชเวลาพูดคุยกับคนไทดำ แลกเปลี่ยนความคิดความเห็นกันอย่างเพลิดเพลิน ได้ดิกชันนารี่ภาษาไทดำ อังกฤษ ลาว ติดมือกลับมาด้วย ถูกใจทั้งผู้ให้และผู้รับ เค้าเลยเลี้ยงข้าวพื้นเมืองเราซะหนึ่งมือ กับข้าวเหนียวกระติบจัมโบ้ กินเสร็จ ก็นอนเล่น นั่งเล่นกันแถวนั้นอยู่นานเลย มีน้ำเย็น กาแฟร้อน บริการฟรีด้วย น่าไปกางเต็นท์สักคืน ถ้ามีเวลา จะมีกิจกรรมให้ทำเยอะ
















ขากลับหาทางลัด จะได้ไม่ซ้ำทางเดิม ได้ทางดีสมใจอยากเลย


กลับมาอาบน้ำอาบท่า นั่งเล่นร้านกาแฟข้างบ้าน เจอกาแฟขี้ชะมดของแท้ร้านเดียวในเชียงคาน ต้องพิสูทซะหน่อย แต่ไม่ได้ชิมนะ แก้วละ 200 บาทเลย ขอแค่ดมกลิ่มเมล็ดกาแฟพอ แท้ไม่แท้ดูเอาครับ ผลิตเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่ปลูกกันเลย มีไร่กาแฟอยู่ที่ปากชม เอาเมล็ดสดมาให้ชะมดกิน ชะมดจะเลือกกินแต่เมล็ดที่สมบูรณ์ที่สุด ขี้ออกมา เก็บขี้ ตากแห้งบ่มไว้อีกปีครึ่ง คั่วบด ทำเองหมด สงสัยทำไมถึงแพง คุณป้าบอกว่า เมล็ดกาแฟสดออกมาปีละสองสามเดือนเอง อีกเก้าเดือนเลี้ยงฟรี เพราะไม่มีเมล็ดกาแฟกิน ต้องให้กินกล้วยแทน แกเลี้ยงเก่งออกลูกมาเต็มบ้านหมด ที่อื่นเลี้ยงไม่ค่อยรอด





ขากลับ เราจองแอร์เมืองเลยได้หกคน อีกคนไป บขส ไม่รู้ชะตากรรม แต่แอร์เมืองเลย รถvip ชั้นเดียว ช่องเก็บของใหญ่ แต่ไม่ทะลุถึงกัน มีเพลากลางกั้นอยู่ ทำให้จุได้น้อย แต่พนักงานที่เชียงคานน่ารักมาก บริการอย่างดี ถึงตู้สัมภาระจะเล็กก็พยายามค่อยๆยัดใจเย็นๆ จนหมด(ถ้าเสื้อภูเขาทั้งหกคันคงใส่ไม่หมด) มาจอดที่เลยกระซิกถามค่าระวางจักรยาน คันละร้อย เราก็กระซิบราคาพิเศษ แฮบปี้ทั้งสองฝ่ายสบายใจ
เรื่องการเดินทางกับรถจักรยานก็ฝากทุกท่านด้วยนะครับ ใจเย็นๆ ใจเขาใจเรา อย่าดันทุรัง วางแผนสำรองไว้บ้าง โดยเฉพาะไปกันเกินสี่ห้าคัน ลำบากทั้งสองฝ่าย ไม่มีใครไม่อยากได้เงิน แล้วเราก็ไม่ค่อยอยากเสียเงินด้วย มีน้ำใจให้กัน เพื่อนๆรุ่นหลังจะได้สบาย