Saturday 11 July 2015

Mini trip : นั่งรถไฟ ปั่นไปนอน เจ็ดคต

11-12 กรกฎา 58 พาล้อเล็กไปไต่เขากันสนุกสนาน มาเก็บสะสมไว้อีกทริป ใกล้ๆ กทม. เพื่อนๆ ซื้อเต๊นท์ใหม่กัน อยากลองของ ได้มือใหม่+รถใหม่ไม่เคยขึ้นเขาติดไปด้วยอีกคน ขึ้นเขาครั้งแรกกับล้อเล็กเลย


แผนการเดินทางง่ายๆ ไปกันห้าคน นั่งรถไฟไปลงแก่งคอย ปั่นจักรยานไปกางเต๊นท์นอนกันที่เจ็ดคต รุ่งขึ้นขี่กลับมาขึ้นรถไฟกลับ กทม. คิดง่ายๆเลย เคยขี่ไปเหนื่อยมากมาย สำหรับบรรดาขาแรงสนุกสนานสะใจ ทรมาณบันเทิงดี ณ นาทีนี้ ถ้าให้ขี่สายรังสิต-นครนายก ไปถึงแยกบ้านนา ก็ยอมแพ้แล้ว ไม่สนุก ไหนๆ จะเล่นกับล้อเล็กแล้วก็ต้องใช้ให้เต็มความสามารถ ทางเลือกคือ รถด่วนขบวน75 ออกเดินทาง 8.20 สายๆ มีเวลาปั่นจากบ้านมากินข้าวเช้าก่อน ไม่ต้องเร่งรีบรี ไปกันห้าคัน ขึ้นหัวลำโพงสองคน คนละ 50 ดอนเมืองสามคน คนละ 30 รถพับฟรี คนไม่เยอะกำลังดี ไม่ชุลมุนวุ่นวายเกินไป


 ครอบครัวฝรั่ง ลูกเล็กๆ3คน น่ารักเชียว เห็นแล้วอดกดชัดเตอร์ไม่ได้เลย

อยากถ่ายรูปหัวลำโพงมานานละ วันนีัเพิ่งจะมีโอกาส รถออกสายเวลาเหลือระหว่างรอ พอได้ถ่ายจริงๆ พบว่าหามุมสวยๆยากมาก เล็งมุมไหนก็มีแต่คน มีแต่รถ มีของเก่าสลับกับของใหม่ ไม่ค่อยโดนใจเหมือนมองจากไกลๆ เลย


เวลาขึ้นรถไฟต้องเตรียมพร้อมให้เรียบร้อย พยายามมีกระเป๋าให้น้อยๆ อย่างมีลูกเล็กลูกน้อย รถต้องพับให้ดี ไม่ใช้แต่งจนพับไม่ลง จะสร้างความรำคาญให้ผู้ร่วมทางได้ ขนาดรถว่างๆ ยังดูเกะกะได้ใจอยู่ ถ้ารถแน่นๆ เลิกคุยเลย



ขึ้นรถด่วนขบวน75ปลายทางหนองคาย ไม่มีตู้สินค้า รถล้อใหญ่ขึ้นไม่ได้ เอารถพับขึ้น ต้องพับให้เรียบร้อย วางอย่าให้เกาะกะทางเดิน กระเป๋าก็ยัดใส่ด้านบนให้เรียบร้อย ออกจากหัวลำโพงคนยังน้อย พอไปถึงดองเมืองคนเริ่มเยอะ รถพับห้าคันเต็มท้ายขบวนเลย คนจะลงที่อยุธยากันเยอะ หลังจากนั้นก็โล่งสบาย



สิบโมงกว่าก็ถึงชุมทางแก่งคอยแล้วครับ ตอนลงก็เตรียมตัวแต่เนินๆ นะ รถไฟประตูมันเล็ก ลงลำบากเหมือนกัน ถ้าปั่นจากบ้านออกตั้งแต่หกเจ็ดโมง สิบโมงคงยังอยู่แถวยุดยาเลยมั้ง แบบนี้สบายกว่ากันเยอะเลย



ก่อนจะลำบากขอสบายก่อน ขี่รถพับชีวิตสบายขึ้นเยอะ


จากแก่งคอยถึงเจ็ดคตประมาณยี่สิบกว่าโล เวลาเหลือเฟือ แวะกินกาแฟร้านดังของแก่งคอยซะก่อน โรงสี คอฟฟี่ เป็นโรงสีข้าวเก่าริมน้ำ มาทำเป็นร้านกาแฟ มีขนมเค๊ก อาหารฝรั่งด้วย อยู่ห่างจากสถานีประมาณกิโลเดียว


เส้นทางครึ่งแรกเป็นทางราบเรียบ ผ่านไร่มัน ไร่อ้อย โล่งๆ มองเห็นเขาไกลๆทั้งซ้ายขวา ด้านหน้าจะเห็นเขาที่เราจะต้องข้ามไปไกลๆ ลมเย็นดี สังเกตเงานะครับ ขี่กันตอนเที่ยงๆเลย รักจะปั่นแล้วอย่าหลบแดด

 ครึ่งหลังเป็นทางขึ้นซะส่วนมาก มีเนินใหญ่ๆ อยู่สองเนิน อากาศร้อนๆ แบบนี้ก็ต้องพักกันบ้าง มีคนแอบโบกรถด้วย



ผ่านมาประมาณ 18 โล ก็จะถึงทางด่านเข้าศูนย์เจ็ดคต อันนี้ก็จะเริ่มขึ้นเขาจริง หาข้าวกินซะให้เรียบร้อย ขอแนะนำร้านด้านข้างที่ขายของชำด้วย อัธยาศัยดี คุ้นเคยกับชาวจักรยาน บริการน้ำเย็นฟรี เติมกระติก อาศัยกินนอน อาบน้ำ เข้าห้องน้ำสบาย ราคาไม่แพง ขอเบอร์โทรไว้โทรสั่งข้าวเย็น น้ำสีขึ้นไปส่งบนเขาให้ได้ด้วย (น้ำสีมีบริการยกลัง เหลือค่อยคืน) สุดยอดเลย อ้อ ที่นี่แปลก โทรศัพท์ดีแทคไม่มีสัญญานด้วยนะครับ

หลังจากด่านไปก็ขึ้นเขาตลอดประมาณกิโลครึง มองไปเห็นถนนพุ่งขึ้นฟ้าเลย คนไม่เคยไปคงตกใจหน้าดู จริงๆมันก็ไม่ได้ชันมากมาย สั้นๆ แต่ดูหลอกตา คนเคยผ่านเขาใหญ่มาแล้วขึ้นได้เรื่อยๆ ซีอุยจานหน้าสองใบขึ้นสบายๆ ส่วนยักเล็กจานหน้าใบเดียวแต่คนขี่ไม่ธรรมดาก็ขึ้นได้สบาย ระหว่างทางเจอกลุ่มปั่นทัวริ่งมาจากประชาชื่น บางท่านเข็นไปพักไป น้องใหม่เราก็เลยลงเข็นเป็นเพื่อนซะ

 มีเข็นกันบ้างเป็นธรรมดา เขาที่นี่ชันจริง แต่สั้น ถ้าจะซ้อมเขากันจริงๆ ไปเขาใหญ่แน่นอนกว่า ไต่กันจนล้า หมดแรงแน่ๆ

น้องใหม่หัดไต่เขา มากับหลุยกานัว ขี่วันแรกก็ไต่เขาเลย ซิลๆ


ทริปนี้ตั้งใจมาทดสอบเต๊นท์ใหม่กันทั้งสี่หลังเลย จริงๆ ที่นี่อากาศร้อนๆ แบบนี้ ปูเสือ หรือผูกเปลนอนง่ายกว่าเยอะ ไม่ต้องขนเต๊นท์ให้หนักเลย

แสงลงช่วงเย็นกำลังสวยเลย


ลานกางเต๊นท์ที่นี่กว่าดี มีบ่อน้ำ มีต้นไม้ร่มรื่น ผูกเปลได้ ให้เตาทำกับข้าวได้ ห้องน้ำสะอาด เล่นดนตรีได้ถึงสองทุ่ม ไม่ค่อยระเบียบเยอะเหมือนตามอุทยาน แต่เคยมาวันปีใหม่ ลานกางเต็นท์เบียดกันจนล้นเลย คนเยอะมาก

Nature hike ล้วนๆสี่หลังเลย เต๊นท์เดียว กว้างดี กางง่าย ที่สำคัญเบามาก แค่โลครึ่งเท่านั้นเอง พับแล้วเล็กมากด้วย กันน้ำ กันฝนได้ดี


 วันนี้บรรยากาสดีจริงๆ เงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน ที่สำคัญไม่มียุงไม่เยอะด้วย

ดูดีๆเหมือนเทพเจ้ามังกรในดราก้อนบอลไหม


 มุมนี้เชื่อว่าหลายๆคนต้องถ่ายแบบนี้แน่เลย

บริเวณศูนย์บริการ มีขนม กาแฟ ของใช้ แอลกอฮอขาย ราคาไม่แพง เจ้าหน้าที่อัธยาศัยดี ไม่จุกจิกกับจักรยานมากนัก มีน้ำเย็น น้ำร้อนบริการฟรี พร้อมบริการจักรยานให้เช่าด้วย ค่าธรรมเนียมแบบอุทธยานไม่มี แต่รับบริจาคตามความพอใจ และต้องมาลงทะเบียนแจ้งชื่อก่อนเข้าพักด้วยนะครับ ถ้าต้องการทำอาหารก็มีเตาถ่านให้บริการ ซื้อแต่ถ่าน เตาฟรี

กางเต๊นท์เสร็จก็ออกไปขี่เล่นกัน ขี่ได้รอบอ่าง สั้นๆ สนุก ชีวิตดี้ดี ถ้าปั่นมาจาก กทม.ถึงก็จะมืดแล้วกว่าจะกางเต๊นท์เสร็จ สลบอย่างเดียว





ใช้ล้อเล็ก การขี่ก็เล็กไปด้วย ไม่ต้องเน้นความเร็ว ระยะทาง เน้นความเรียบง่าย แฮปปี้ๆ



มืดแล้ว มือค่ำเราโทรสั่งข้าวขึ้นเขามาส่ง สบายไป ไม่ต้องทำเอง อิ่มแล้วก็กินน้ำ ทำขนมกินเล็กกันพอสนุกสนาน ก่อนเข้านอน ไฟแสงสว่างที่นี่ปิดสี่ทุ่มนะ ถ้าจะนั่งต่อก็ไม่มีใครว่าแต่ก็อย่างรบกวนคนอื่นนะครับ
แผ่นรองคลานของเด็กสีฟ้าแบบนี้ใช้ดีมาก ขอนำเสนอมีติดไว้ เบามาก กันน้ำ ไม่เลอะเทอะ นั่งสบาย ทำความสะอาดง่าย บังแดด กันฝนได้เลย พอกลางคืนพับสองทบรองนอนในเต็นท์สบาย อุ่นด้วย ที่สำคัญราคาถูก
หมดหนึ่งวันแล้ว วันนี้ภารกิจล้มเหลว ตั้งใจจะปั่นไปน้ำตกเจ็ดคตกัน แต่เห็นน้ำแห้ง แล้งๆ คงไม่มีอะไรให้ดู เห็ดแชมเปญก็คงไม่มี เลยขี่เล่นแถวนั้นพอ (ขี้เกียจกันมากกว่านะ)

วันที่สอง ตื่นแต่เช้าอากาศเย็นสบายดี ไม่มีหมอก ไม่มีน้ำค้าง แต่สว่างเร็วมาก ออกมาเปิดร้านกาแฟสดกัน ถือว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ยิ่งหนาวๆ บนดอยด้วยสุดยอด แต่จริงๆ ก็สุดยอดทุกที่อยู่แล้ว ทริปนี้คุยไว้แล้วไม่ทำกับข้าว ซื้อเอาราคาไม่แพง สะดวก แต่ก็อดที่จะทำอะไรกันบ้างไม่ได้ กระเป๋ามันว่าง เลยจัดกล้วยบวชชี เพิ่มพลังงาน เอามาตัดกับกาแฟสด รสเข้มๆ ขมๆ ได้ดีมาก ดูรูปดีกว่า

วันนี้เอาหม้อกาแฟใบเล็กมาต้นได้ทีละสองแก้วเล็ก กินไม่อิ่มเลย ระหว่างรอน้ำเดือดก็อัพๆๆไปเรื่อย
 เช้าๆอากาศดี เย็นสบาย ไม่มีน้ำค้าง เต๊นท์แห้งเก็บง่าย มีไก่มาเยี่ยมถึงหน้าแคมป์

เติมพลังกาแฟแล้วต่อด้วยกล้วยบวชชี ของหวานทำง่ายๆ กล้วยหาตามข้างทาง พกกะทิกล่อง กับน้ำตาล เกลือมาแค่นี้ก็อร่อย ให้พลังงานได้ดีมาก



จะเก้าโมงแล้ว ออกเดินทางดีกว่า วันนี้เวลาเหลือเยอะ ขอไต่ขึ้นจุดชมวิวก่อนกินข้าวเช้าแล้วกัน

มือใหม่วันนี้ไม่กล้วเนินแล้ว สูงแค่ไหน อย่างมากก็แค่เข็น


ทางสั้นๆแค่ 1.5 กิโล ชันหน่อย ขุขระ ผิวถนนไม่ค่อยดี ต้องระมัดระวังนิดนึงความสูงประมาณห้าร้อยเมตรเอง



ทางลงชัน โค้งเยอะ แต่ก็มีเนินรับ ปล่อยลงมาได้ ความเร็วไม่สูงนัก สำหรับรถล้อเล็กๆ เลี้ยงเบรคบ้าง ขอบล้อยังร้อนจี๋เลย ถ้าลงยาวๆ แบบเขาใหญ่คงต้องพักเป็นระยะๆ ยางรองขอบล้อไม่ดีก็ทำให้ยางในระเบิดได้เหมือนกัน รถผมใช้วีเบรคทุกคัน จะเปลี่ยนผ้าเบรคแบบดีๆ ยาวๆ ยิ่งพวก coolstop จะระบายความร้อนได้ดีกว่าแบบเดิมๆ มั่นใจกว่าเยอะ ก่อนจากแวะกินกาแฟสด ร้านอยู่หน้าป้ายทางขึ้นพอดี


ขากลับ ต้องไปขึ้นรถไฟประมาณ 14.20 เวลาเหลือเยอะ กินข้าวเช้า ต่อด้วยกาแฟสดก็ยังสบาย เลยว่าจะผจญภัยกันเล็กน้อย ตามเส้นทางลูกรัง ทางฝุ่นลางๆใน googlemap ตัดเขามาลูกนึง จะทะลุมาออกถนนสายบ้านนา-แก่งคอยได้ แต่ไม่ต้องวกไปทางน้ำตกเจ็ดคต มีทางลูกรังช่วงสั้นๆ น่าจะยังไม่มีใครลองไปกัน





เห็นทิวเขาขวางทางอยู่ เราต้องข้ามลูกนี้ไป เข้าทางลูกรังแล้ว รถพับก็ถือว่าขี่สนุกดีนะ ทั้งๆบรรทุกของด้วย ดีกว่าล้อ700 หรือเสือหมอบเยอะ ทางสวยดีครับ ขี่เพลินจนเลยแยกที่ทำwaypoint ในแผนที่ไว้เยอะเลย
เริ่มเข้าป่าเข้าพงมั่วละ แยกก็ไม่มี สรุปว่าเลยทางแยกมาเกือบสองโล อากาศก็ร้อนแล้ว เลยขอยกเลิก ขี่ย้อนกลับมาทางเดิมจะแน่นอนกว่า เริ่มมีโอกาสตกรถไฟสูง ขอติดค้างไว้ทริปหน้า จะมาวิ่งเป็นวงกลมย้อนขึ้นไปทางน้ำตกเจ็ดคตแทน

ถ้าเส้นเดิมนี่สบายเลย วิ่งลงเขายาวๆ มาครึ่งทาง ดุมlitepro เสียงฟรีดังเหมือนรถติดมอเตอร์เลย จี๊ดตลอด สนุกดีอีกครึ่งทางเป็นทางเลียบ จัดรับน้องใหม่ตอนเที่ยงแบบม้วนเดียวถึงหล่มสักเลย แต่ก็คุมความเร็วไว้ยี่สิบนิดๆ ทริปนี้ขี่กันไม่เกินยี่สิบห้านะ ไม่งั้นหลุด ออกมาวิ่งถนนมิตรภาพ จากแยกเข้าเจ็ดคตเพื่อมามุดใต้สะพานลอดถนนมิตรภาพเข้าตัวอำเภอหล่มสักช่วงสั้นๆ ประมาณสามโล วิ่งทางขนาน ถนนน่ากลัวมาก รถบรรทุกลากคันโตๆ สิบล้อเต็มไปหมด วิ่งใกล้ขอบทางมาก รถย้อนศร มอเตอร์ไซด์ รถยนต์ถือว่าปกติ เจอสิบล้อย้อนศร ทำเอาขี่ไม่เป็นเลย ต้องจอดให้ท่านไปก่อน ไม่รู้จะหลบทางไหนดี สำหรับเราคงเป็นแค่เสียดเสียวของเวลา พวกเค้าอาศัยหากินแถวนั้น อยู่แถวนั้น คงลำบากในการใช้ชีวิตพอสมควรถ้าต้องทำตามกฎจราจรไปซะหมด

เวลาเหลือหาข้าวเที่ยงกิน ขี่ชมเมืองซะหน่อย เมืองเล็กๆ ไม่ค่อยมีอะไรมาก รถไฟช้าไป20นาที ระหว่างรอก็ถ่ายรูปรถไฟเล่นไปเรื่อย อากาศร้อน ไม่รู้จะไปดูอะไรแล้ว


รับตั๊วเสร็จก็เข้ามานั่งเล่นกันที่ชานชลา ต้องสอบถามเจ้าหน้าที่ให้แน่ใชว่ารถจะจอดเทียบชานชลาตรงไหน ถ้าผิดที่วิ่งยกของกันชุลมุนเลย และในชานชลาห้ามขี่จักรยานนะครับ ให้เข็นอย่างเดียว อย่าเสียมารยาท










ขากลับมาลงดอนเมือง ด้วยความอยากลองชิมเต้าหวยเย็นร้านดังแห่งนี้ ได้กินสมใจ หลังจากนั่งรอกันสองชั่วโมงพอดี ขอจบทริปอย่างมีความสุขไปอีกวัน ขอบคุณที่ติดตาม

No comments:

Post a Comment