Thursday 31 December 2015

luang prabang to kasi, Lao. part3

Touring trip หลวงพระบาง ตอนที่สาม : เส้นทางลอยฟ้า กิวกระจำ - กาสี

30 ธ.ค. 58 เริ่มปั่นกันจริงจังเสียที เราจะปั่นบนเส้นทางสาย13 เป้าหมายแรกของวันนี้คือกิ่วกระจำ ระยะทาง 78 กม.  บอกลาหลวงพระบางตั้งแต่หกโมงเช้า  แวะรับข้าวกล่องที่สั่งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ที่จริงตลอดเส้นทางก็มีร้านขายของ ร้านอาหารตลอด แต่เพื่อความมั่นใจ ติดไว้คนละกล่อง ปลอดภัย อุ่นใจ

พ้นตัวเมืองหลวงพระบางมาหน่อยก็เริ่มหิวกันแล้ว ข้างทางเจอร้านปิ้งย่าง แวะซื้อหมูย่าง ไส้อั่ว ขอข้าวเหนียวหนึ่งกระติบใหญ่ๆ กินกันหมดกระติบ จากนั้นก็เริ่มวอร์มขาเขาลูกเล็กๆหนึ่งลูก ก่อนขึ้นลูกที่สอง ระยะทาง 15 กม. ถึงระดับความสูงประมาณ 1000 เมตร เป็นจุดชมวิวกิ่วม่วง   แล้วก็ลงยาวเกือบ 20 กิโล.ลดความสูงลงมาที่ 350 เมตร จนข้ามลำธาร  แล้วก็ต้องไต่กันขึ้นไปใหม่ที่ 1420 เมตร ระยะทางอีก 20กว่าโล จนถึงกิ่วกระจำ

เส้นทางหลังจากนี้ เราจะขึ้นเขาย่อมๆขนาดน้องเขาใหญ่หนึ่งลูก แล้วก็ลง แล้วก็ขึ้นอีกเขาอีกลูกใหญ่ๆขนาดเขาเขียว แล้วก็ลงใหม่ แล้วก็ขึ้นลูกที่สามใหญ่สุดถึงยอดเขาลูกนี้ก็คือ บ้านกิ่วกระจำ เราจะพักกันที่นี่ รวมระยะทางประมาณ 70 กิโล

ออกจากหลวงพระบางแต่เช้าหมอกลงตลอดทาง บรรยากาสดีมาก

เวลาขึ้นเขาขี่ได้ช้ามาก เด็กๆกลุ่มนี้ออกมาทำงานเก็บดอกหญ้าไปทำไม้กวาดส่งขาย เห็นเราค่อยๆขี่กันมา ทิ้งงานมาวิ่งแข่งกับจักรยานสนุกสนาน


ร้านข้าวระหว่างทางก็เยอะ แต่มันมาหิวอันตรงไม่มีร้าน แปลกดีนะ
ข้าวเหนียวหมูทอดกล่องที่สั่งร้านค้าไว้เมื่อคืน ราคาตกกล่องละ 80 เปิดกล่องมาแทบสลบ หมูทอดแห้งๆแข็งเป็กมีอยู่นิดเดียว มีผักต้มอีกคนละสองสามชิ้น ดีได้ไข่ต้มจากที่พักต้มมาให้คนละใบ ไม่งั้นอดตายแน่

แวะซื้อมันไปต้มกินคืนนี้ ข้างทาง มัน ฟักทอง ผัก ราคาไม่แพง
สองข้างทางระหว่างขึ้นเขาส่วนมากเป็นหมู่บ้านชาวเขา เราขี่กันได้ช้ามาก เด็กๆเห็นพวกเราจะวิ่งไล่ตามเราอย่างสนุกสนาน เพราะเห็นหน้าเราเหนื้อยเหนื่อย


มองไปเห็นกิ่วกระจำอยู่ที่เขาลูกโน้น อ้อมเขาอีกลูกเดียวก็ถึงแล้ว




เช้าวันใหม่ที่จุดชมวิวหลังเรือนพักกิ่วกะจำ หมอกลงขาวไปหมด มองเห็นไม่กี่เมตร

เด็กนักเรียนเดินไปโรงเรียนกันแล้ว เราออกสวยหน่อย หมอกลงจัดมองทางไม่เห็นเลย

เตรียมตัวออกเดินทางแล้ว ชีวิตยามเช้า นักเรียนไปโรงเรียน คนลาวก็ไปทำงานแล้ว พวกเราไม่ทำมาหากิน มัวแต่ขี่จักรยานเล่นกัน




เด็กๆคอยทักทายยื่นมือมาตีกัน บางคนก็ดีบางคนตีแรงมากต้องระวังให้ดี



เส้นทางวันนี้ขึ้นๆลงๆไปตามทิวเขา เล่นเอาเมื่อยไปตามกัน


วางแผนไปกินข้าวเที่ยงกันที่แยกภูคูน จากนั้นก็ไหลลงเขายาวๆ ไปเมืองกาสี
Beautiful scene along the way.



มองย้อนไปทางที่เราเพิ่งจะปั่นขึ้นมา เลาะมาตามไหล่เขายาว ไม่น่าเชื่อว่าใช้เวลาไม่นานก็ถึงข้างบน
เกือบบ่ายสองเราก็มาถึงสามแยกพูคูน ถ้าตรงไปสาย 13 เส้นเดิมมุ่งหน้าเวียงจันทน์ ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเป็นสาย 7 ไปออกเวียดนาม สามแยกนี้จึงเป็นแยกสำคัญมีรถขนสินค้ามาจอดพักทั้งแบบพักกินข้าวและพักแรมมากมาย
หลังจากนั้นก็ขึ้นขึ่นๆลงๆภูเขาต่อไปอีก 35 กม. ก็ถึงเวลาลงเขายาวๆ 20 กม. ลดจากระดับ 1,400 ม. เหลือ 550 ม. 


ช่วงลงเขายาวเกือบยี่สิบกิโล ไม่ได้ถ่ายรูป ความเร็วประมาณสี่สิบขึ้นไป ถนนที่ลาวไม่ชันมาก ไม่มีโค้งหักศอกคมๆ ลงเขาไม่น่ากลัวเหมือนแถวแม่ฮ่องสอน เราไม่ต้องทำอะไรเลย คอยจับแฮนไว้ให้มั่นคง ปล่อยให้ล่องลอยลงมา สายลมประทะหน้า ได้ยินแต่เสียงฟรีหลัง เสียงลม มันเงียบสนิท ชื่นชมกับความความสุขที่ผ่าฟันตอนช่วงขาขึ้น เป็นความรู้สึกสุดยอดจริงๆ ทำให้ใครต่อใครหลายคนพากันติดใจการเดินทางผ่านขุนเขาเหล่านี้ ถึงจะยากลำบากเพียงไร ยอดเขาก็ไม่เคยหนีไปไหน รางวัลรออยู่ด้านบนเสมอ
จากภูคูน ลงเขายาวหลายกิโล มีจุดชมวิว ร้านอาหาร แต่พวกเราไม่ได้แวะ ลงเขาอย่างเมามัน พอเข้าเขตเมืองกาสี ภูเขาใหญ่ๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นภูเขาหินปูนยอดแหลมเล็กชัดเจน ดอกหญ้าปลิวไสวตลอดสองข้างทาง
ทางขึ้นเขายาวแต่ไม่ชัน กลายเป็นโค้งหักศอกขึ้นเขาชันๆ ลงชันๆ เหมือนแถวแม่ฮ่องสอนบ้านเรา แต่เป็นช่วงสั้นๆ ทำเอาเมื่อยไปเหมือนกัน
sun set at before go to kasi

ที่บ้านน้ำอุ่น ที่นี่เป็นรีสอร์ทที่มีชื่อเสียง มีบ่อน้ำพุร้อน มีนักท่องเที่ยวมาพักที่นี่กันเยอะ จากนั้นเราก็ปั่นขึ้นเขาต่ออีกเล็กน้อย
หุบเขามีการทำการเกษตร มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์
ดอกหญ้าสวยๆ กับแสงแดดอาทิตย์อัสดง ถ้าไม่ได้เดินทางด้วยจักรยานยากนักที่จะได้สัมผัสธรรมชาติแบบนี้ มาถึงได้ถูกที่ ถูกเวลาจริงๆ



ไปถึงเมืองกาสีหกโมงกว่า พักที่เรือนพักสมจิด ห้องพักดีราคาไม่แพง มีอาหารแบบข้าวราดแกง ไข่พะโล้ ถูกปากคนไทย คืนนี้วันสิ้นปีพอดี แต่พวกเราหลับกันหมด ออกมาเคาร์ดาวกันตอนเช้าแทน

วันุร่งขึ้น เราขี่ไปวังเวียงระยะทางประมาณ 60 กิโล ลงเขาซะส่วนมาก พอสายๆแดดแรงมาก อากาศร้อน แล้ง ถนนเริ่มมีชำรุดเป็นช่วงๆ ฝุ่น ควันรถ มาครบ แวะร้านอาหารก่อนเข้าวังเวียงหาอะไรกินก่อน

ถึงวันเวียงบ่ายสองแล้ว หาห้องพักด้านนอก จะได้ถูกหน่อย โดนเจ้าของตุกติดเสียอารมณ์ เลยเปลี่ยนแผนเหมารถไปนอนเวียงจันทน์เลยดีกว่า เพราะวังเวียงวันนี้ร้อน แห้งแล้ง ถนนก็มีแต่ฝุ่น ไม่น่ารื่นรมย์เลย ถ้านอนที่นี่คงไม่ได้เที่ยวไหน สู้ไปนอนเวียงจัน พรุ่งนี้จะได้มีเวลาชมเมืองได้สักครึ่งวันด้วย

ได้รถสองแถว ราคา 3000  ออกจากวังเวียงประมาณบ่ายสามครึ่ง  ถึงสามทุ่มกว่า