my trip to luang prabang
วันที่1 นั่งรถไฟด่วนจากกรุงเทพ เวลา 8.30 ถึงหนองคาย 18.00น. ราคา 350 บาท รถไฟช้าไปหนึ่งชั่วโมง ไปค้างที่บ้านญาติ1คืนถือโอกาสเยี่ยมเยียนไปในตัว
รถไฟไปหนองคายวันนี้ ว่างนั่งสบาย
ช่วงผ่านเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ กับเขื่อนลำตะคอง วิวสวยดี น่าไปขี่จักรยานเล่น
สะพานมิตรภาพไทยลาวที่หนองคาย ขี่จักรยานข้ามไปได้เลย
วันที่2 ออกเดินทางตั้งแต่หกโมงครึ่ง ปั่นจักรยานไปด่านชายแดนไทย ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว สามารถปั่นจักรยานข้ามไปได้เลย เข้าประเทศลาว ค่าเข้าเมือง 43 บาท จากนั้นปั่นผ่านตัวเมืองเวียงจันทน์ เพื่อไปสถานีขนส่งสายเหนือ ใกล้ๆกับสนามบิน ระยะทาง 25 กิโลไปทันรถประจำทางไปหลวพระบางรอบ 11 โมง
จากนี้ไปปั่นจักรยานชิดขวาแล้ว ใหม่ๆยังไม่ชินจะหลบซ้ายอยู่เรื่อย
ยังพอมีเวลา ขี่อ้อมไปนิด แวะชมประตูชัย เมืองเวียงจันทน์สักหน่อย
จากเวียงจันทน์ ปั่นไปจากด่านประมาณ 25 กิโล ถึงขนส่งสายเหนือ นั่งรถโดยสารไปหลวงพระบาง ทันรถเที่ยว 11 โมงพอดี เป็นรถตู้ขนาดใหญ่ ค่าโดยสาร 110000 กีบ ค่าระวางรถพับบนหลังคา 200 บาท รถใช้เส้นทางสายใหม่ ผ่านยอดภูหลวง สามทุ่มกว่าก็ถึงหลวงพระบางแล้ว
จักรยานก็พับผูกไว้บนหลังคา เห็นการผูกแล้วไม่มั่นใจเอาซะเลย ตกหลุมแรงๆทีมีลุ้น กลัวจักรยานมันกระเด็นหายไปจริงๆ
อยู่ดีๆหมอกลงมาขาวโพลนไปหมดเลย อากาศหนาวขึ้นมาทันที
ขี่วกไปวนมาไม่นานก็รอบเมือง วกกลับมากินโจ๊กร้านแถวเรือนพัก เห็นคนเมืองกินกันเยอะ น่าจะอร่อย
อิ่มแล้วแวะกลับมานอนพักหลบแดดสักหนึ่งตื่น บ่ายออกมาปั่นข้ามสะพานไปอีกฝั่ง มีที่เที่ยวพวกศูนย์หัตถกรรมทอผ้า งานฝีมือเยอะ ทางเป็นลูกรังขึ้นเขาลงเขาขี่สนุกดี
ตอนเย็นไปรับเพื่อนที่มาทางเรือจากเชียงของ เรือเข้า 17.00น. พอดี ท่าเรือห่างจากตัวเมืองประมาณ15กิโล
กลับมาเก็บข้าวของเสร็จก็ออกมาปั่นตลาดมืดกันเลย
No comments:
Post a Comment