Tuesday, 8 December 2015

mini trip : กิ่วฝิ่น แจ้ซ้อน ลำปาง Part 2

lonely trip : ขุนตาล กิ่วฝิ่น แจ้ซ้อน ลำปาง Part2
6-8 ธันวาคม 2559 ขุนตาน – ห้วยตะไคร้ – น้ำพุร้อนสันกำแพง – แม่ออน – แม่กำปอง – กิ่วฝิ่น ม่อนล้าน – แจ้ซ้อน – ลำปาง เส้นทางโหดมาก
ต่อจากตอนที่1

ตัดสินใจลงไปนอนที่แจ้ซ้อน ทางลงก็ชันมาก ปล่อยไหลลงไม่ไหว เบรคเอาไม่ค่อยอยู่ ทางแคบๆ ชัน หักศอก ตกลงไปก็เหวเลย ต้องลงจูง ขนาดจูงยังเบรคกันเมื่อยมือ ปล่อยเบรครถจะพุ่งลงตลอด เข็นลงเกือบสองกิโล ถึงจะเริ่มขี่ได้ คราวนี้ก็ลงตลอดทาง มีลำธารตัดผ่านทางเป็นช่วงๆ ช่วยระบายความร้อนเบรคได้ดี  มาจนถึงลานดอกเสี้ยว ถึงจะเริ่มมีเนินบ้าง ช่วงลานดอกเสียวมีสถานที่ท่องเที่ยว ที่พักสวยๆ ร้านกาแฟ ร้านค้าหลายร้าน แต่ไม่ได้แวะ ไหลลงกำลังมัน รวดเดียวเลย
ทางลงช่วงแรกๆ ชันมาก ขี่ไม่ได้เลย เข็นลงอย่างทุลักทุเล

ถ้าเทียบกันทางแจ้ซ้อนขึ้นไปกิ่วฝิ่นจะยาวกว่า ชันน้อยกว่า มีชันมากๆช่วงก่อนถึง  แต่ทางแม่กำปองสั้นกว่า และชันกว่าเยอะ สรุปว่าทางไหนก็สะใจซาดิสพอๆกัน ถ้าไม่ใช่นักปั่นสายไต่เขา ไม่แนะนำให้มาเลย รับประกันว่าไม่สนุก ต่อให้ขึ้นรถมาก็ไม่สนุก


13.45 ผ่านบ้านป่าเมี่ยง ปลูกกาแฟ ผลิตเมล็ดกาแฟขาย มีร้านกาแฟสดหลายร้าน เป็นทางลงเขาซะส่วนใหญ่แต่ก็มีเนินให้ไต่ขึ้นบ้าง ทำเอาหมดแรงเหมือนกัน


ขี่ทางไกลจอดบ่อยๆ เจออะไรสวยๆจอดถ่ายรูปซะ ดอกกุหลาบริมรั้วนี่หอมมาก ดมแล้วหอมชื่นใจ หายเหนื่อยอย่างน่าอัศจรรย์
ตากเมล็ดกาแฟกันเต็มหน้าบ้าน มีร้านกาแฟสดหลายร้านทีเดียว
ขนาดลงเขาตลอดก็หมดแรงได้เหมือนกัน ต้องเติมพลังหน่อย

มีข้ามลำธารเป็นช่วงๆ ลดความร้อนของขอบล้อไปได้เยอะ

ถึงแจ้ซ้อนเวลา 15.10 เจ้าหน้าที่หน้าด่านเห็นปั่นจักรยานมาคนเดียว ให้เข้าไปเลย มีเวลาเหลือเฟือเลยเย็นนี้ อาบน้ำร้อนห้องรวม 20 บาท กลับมาแวะซื้อไข่ไก่หนึ่งใบ แป๊ปซี่หนึ่งขวด มาต้มมาม่ากับคะน้าฮ่องกง สำหรับมื้อเย็น ผูกเปลนอน
นอนเปลมุ้งอากาศหนาวๆ เอาแผ่นรองนอนปูด้านใน อุ่นสบาย ต้องถอดถุงนอนออกเลย เช้ามาไม่ปวดหัวไหล่ คอ 
มาคนเดียวก็กินง่ายๆ แค่นี้ก็พอแล้ว



คาราไบเนอร์ของจีนแบบถูกๆ ไม่ใช้เกรดปีนเขา เอามาใช้แขวนเปลก็เอาอยู่ นอนดิ้นทั้งคืน ไม่ง้าง ทดสอบหลายรอบแล้ว
ห้องส่วนตัว มีโซฟานั่งเล่น โรงจอดรถเสร็จสรรพ

มาแบบนี้กระเป๋าหลังสองใบ ข้างละห้าหกโล กำลังดี เหลือๆแล้วครับ ไม่หนักมากขี่สนุก
เช้าไปแช่น้ำร้อนอีกรอบ กลับมาต้มกาแฟกินขนมที่เหลืออยู่ ก่อนปั่นออกมา ตั้งใจมากินข้าวเช้าที่สามแยกเมื่องปาน ร้านเดิมเมื่อครั้งก่อน อากาศเย็นสบาย มาถึงสามแยกปรากฏว่าร้านปิด

บ่อน้ำร้อนที่แจ้ซ้อน ปั่นจักรยานมาเหนื่อยๆ แช่น้ำร้อน หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย ชอบมาก
เลยปั่นมาเรื่อยๆ มีเนินลูกโตๆ ลูกเดียวแล้วก็ลงเรื่อยๆ ปั่นมาสบายๆโซ่รถเริ่มมีเสียงดังน่ารำคาญ มองดูด้วยสายตาพบว่าน้ำมันหล่อลื่นแห้งสนิท เฟืองหลังก็เริ่มส่งเสียงแปลกๆ ขี่แล้วน่ารำคาญ
ออกจากแจ้ซ้อนมาเจอไร่สตอเบอรี่ แต่เสียดาย ตลาดวายไปซะแล้ว


วิวนาข้าวสวยมาก จากแจ้ซ้อนถึงแยกเมืองปาน

ถึงศาลาที่พักริมทางเมื่อครั้งก่อนเลยแวะพักกินน้ำกินขนมจนหายเหนื่อย ปั่นต่อมาเหลืออีก 30 กิโลถึงลำปาง เลยร้านกาแฟคิดดีมาหน่อย แวะกินข้าว พักเหนื่อย อิ่มแล้วนั่งคุยเล่นกับแม่ค้าพักใหญ่ ขอเศษน้ำมันเครื่องมอเตอร์ไซด์เหลือๆ มาหยอดโซ่ซะหน่อย เสียงเงียบเป็นปลิดทิ้ง ขี่เข้าลำปางอย่างสบายหู ช่วงนี้แดดเริ่มร้อน

13.20 ก็ถึงลำปาง พบว่าปวดตา แวะปั๊มล้างหน้าล้างตาอาการค่อยทุเลา น่าจะเป็นที่แว่นกันแดดราคา 150 บาท พอโดดแสงจ้านานๆ เลยถอดแว่นขี่ ปัญหาก็หายไป ถึงตัวเมืองแดดร่มเลยวิ่งวนไปโน่นมานี่ชมเมืองในวันธรรมดา ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว กาดกองต้าก็ไม่มี เมืองเงียบสงบดี ปั่นเรื่อยๆจนถึงสถานีรถไฟ ซื้อตัว รถนอนพัดลมเต็ม มีแต่นั่งปรับอากาศ เลยไปรถธรรมดาชั้นสาม รถออก 18.00 น.






ยังเหลือเวลาอีก 3 ชม ขี่จักรยานชมเมืองไปเรื่อยเปื่อย เห็นป้ายทางไปวัดพระธาตุลำปางหลวง นึกอยากแวะดูสักรอบ แต่หลังจากสอบถามทางแล้ว ไปกลับ30กิโล เวลาคงไม่พอ เปลี่ยนใจ ขี่เล่นแถวสถานีรถไฟไปเรื่อยๆ พอจะทราบว่าย่านนี้เป็นย่านการค้ามาแต่โบราณ คนจีนโพนทะเลมารับจ้างทำทางรถไฟ และลงหลักปักฐานที่นี้หลายครอบครัว ปัจจุบันเป็นตึกแถวเก่าๆ ถามคนแถวนั้น หาร้านข้าวซอยอร่อยๆ เลยได้มานั่งกินร้านจันทร์ฉายข้าวซอยชื่อดัง ชามสุดท้ายพอดี ออกมากินกาแฟสด ไปถ่ายรูปเล่นสถานีรถไฟ นั่งรถไฟโล่งๆ สุดท้ายตีตั๊วนอนตั้งแต่ลพบุรีถึง กทม. สบาย














No comments:

Post a Comment