Friday, 23 October 2015

Mini trip ลำปาง แจ้ซ้อน แม่เมาะ Part 1

23-25 ตุลาคม 2558 mini trip ลำปาง - แจ้ซ้อน - แม่เมาะ Part 1

เมื่อวันหยุดสามวันที่ผ่านมาก็ได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้งหนึ่ง มีเวลาสั้นๆแค่สองคืน เลือกจังหวัดลำปาง เพราะได้ยินว่า ลำปางหนาวมาก โดยเราจะนั่งรถทัวร์ไปลงลำปาง และขี่ไปนอนน้ำพุร้อนแจ้ซ้อนกัน คืนที่สองเราย้อนกลับมาลำปางและขี่ต่อไปนอนกันที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะ วันที่สามเรากลับมาเที่ยวในเมืองลำปาง และขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพ เพื่อมาทำงานกันต่อไป

การเดินทางครั้งนี้ระยะทางแต่ละวันไม่ไกลมาก มีเนินให้เล่นพอสนุก แต่เพื่อนๆก็ยังไม่มั่นใจรถพับในการเดินทางไกล และบรรทุกของกันเท่าไหร่ แต่ผมเลือกที่จะใช้เจ้าซีอุยไปร่วมทางรวมทั้งบรรทุกของไปเต็มที่ โดยเราจะนอนเต๊นท์ และทำกับข้าวกินกันเองด้วย เพราะฉะนั้นน้ำหนักบรรทุกก็มากหน่อย

ก่อนออกจากบ้าน ซีอุยพากระเป๋าสองใบ ข้างละประมาณห้ากิโล และถุงใส่เต๊นท์วางบนตะแกรงอีกใบสามโลกว่า กระเป๋ากันน้ำด้านหน้าใส่อุปกรณ์ถ่ายรูป กระเป๋าสตางค์ ของใช้สะพายติดตัวตกประมาณสองโล เวลาขี่จริงมีอคูเลเล่อีกตัว และน้ำดื่มขวด1.5ลิตรสำรอง1ขวด ใส่กระติกน้ำอีกหนึ่งกระติก
ถามว่าแค่สองคืน พกแต่เงิน เสื้อผ้าไปอย่างเดียว ซื้อกิน ซื้อนอน ก็ได้ แต่ที่แบกของไปก็สนุกดี ไม่ได้ถือว่าเป็นภาระที่ต้องทำ แต่เป็นสิ่งที่อยากทำส่วนตัว และก็ไม่ได้เป็นภาระให้กลุ่ม ยังสามารถช่วยแบกขนม อาหาร ฯลฯ ได้อีก (สงสัยเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง)

แต่ครั้งนี้ออกจากบ้านก็ลางไม่ค่อยดีเลย บ่ายๆฝนดันเทลงมาซะงั้น ลุนแทบแย่ เพราะต้องปั่นจากบ้านไปขึ้นรถทัวร์ที่สมบัติทัวร์วิภาวดีหนึ่งทุ่ม ปั่นงานเสร็จก็ลุยฝ่ารถติดถนนลาดพร้าวไป จองตั้วรถทัวร์ล่วงหน้าเดือนนึง วีไอพี ที่นั่งสามแถว หลับสบาย มีขนมของว่าง ดึกๆระหว่างทางมีบุปเฟต์ข้าวต้มที่กำแพงเพชร ราคาสูงหน่อย แต่ถือว่าคุ้มค่าสำหรับคนทำงานประจำ เลิกงานก็กระโดดขึ้นรถทัวร์ ใช้เป็นที่นอน พอถึงที่หมายเช้าก็ออกปั่นยาวกันเลย

รถวีไอพีลำปาง เป็นรถชั้นเดียว ห้องเก็บของใหญ่ รถจักรยานทัวริ่งถอดล้อหน้าออกวางได้สบาย ค่าระวางคันละ 100 บาท ควรไปถึงเร็วหน่อยจะได้จัดวางให้เรียบร้อย ขอดีของรถวีไอพีคือสัมภาระน้อย ถ้ารถถูกๆหน่อยสัมภาระของผู้โดยสารจะเยอะมาก บางทีช่องเก็บของเต็มมีปัญหาขนจักรยานไม่ได้อีก
ถึงลำปางตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง รอเพื่อนอีกคันตามมากับบขส. เริ่มออกเดินทางจริงหกโมงกว่า เริ่มสว่างแล้ว จักรยานห้าคัน ของอีกกองพะเนิน


ออกจากขนส่งลำปางก็เบี่ยงออกนอกเมืองเลย แวะถ่ายรูปแม่น้ำยมกันก่อน และหาข้าวเช้าได้เป็นขนมจีนน้ำเงี้ยวชามน้อยๆ วันนี้ระยะทางแค่ 80 กิโล แต่เป็นเนินซึมๆขึ้นเรือยๆ บ่ายๆคงถึง ดูท่าอากาศจะไม่ร้อน วันนี้เอารถพับมาลากรถใหญ่


ใช้เส้นทางสายรองเลาะไปตามหมู่บ้าน บรรยากาสเงียบสงบดี พยายามเลี่ยงชุมชนเมือง ถนนสายหลัก


เส้นทางไปเมืองปาน ถนนดี ไหล่ทางกว้าง ขี่สบาย ออกแต่เช้าไม่นานก็เก็บระยะทางได้สามสิบกว่าโลแล้ว มีคนอยากปั่นม้วนเดียวถึงเมืองปานเลย แต่เจอร้านกาแฟน่านั่งพอดีเลยจอดแวะซะหน่อย


ตรงข้ามร้านกาแฟมีไร่สตอเบอรี่ปลูกโชว์ไว้ ถ้ามาเดือนธันวาคมคงได้กินแน่ แวะพักแป๊ปนึงฝนก็ตกลงมาซะงั้น พอฝนหยุดก็ถึงเวลาแดดออก ฟ้าใสแจ๋วกันเลยทีเดียว


เจอทุ่งนาสวยๆ แวะถ่ายรูปสักหน่อย


เกาะกลุ่มกันไป ขาไปทางจะเป็นเนินซึมๆ ขี่ไปเหมือนรถยางแบนความเร็วอยู่ที่ประมาณยี่สิบต้นๆ ขี่รถพับแถบจะไม่ได้ออกแรง ก็ยังไปได้เรื่อยๆ จนข้างหลังต้องให้ลดความเร็วลงหน่อย




\


ก่อนเข้าเมืองปานมีเนินใหญ่ๆหนึ่งลูก อากาศร้อนมาก

ช่วงก่อนเข้าเมืองปานซ้ายเป็นเขา มองไปเห็นวัดอะไรสักอย่างไปสร้างเจดีย์ไว้บนยอดเขาเลย ขวาเป็นทุ่งนาสวยมาก แดดร้อนแต่ลมพัดเย็นสบาย ช่วงกำลังไต่เนินมีรถกระบะคอยวิ่งตามเรามาสักพักแซงมาบอกให้จอดศาลาหน้า ปรากฏว่าเป็นคนเมืองปานกำลังกลับบ้านวันหยุด เห็นพวกเราปั่นมาร้อนๆเลยขอต้อนรับผู้มาเยือนด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ น่ารักจริงๆ


สามแยกเมืองปานมีร้านอาหารตามสั่ง ไม่แพงทำอาหารอร่อยดี และมี711เป็นสาขาเดียวที่เจอตั้งแต่ออกจากตัวเมืองลำปางมาหกสิบกว่าโล หลังจากนี้ไปจะเป็นการไต่เขาแล้ว มากินข้าวเที่ยงที่นี่พอดี แวะหลบร้อนสักหน่อย
กระเป๋าวินสิตาหูหลุด ต้องหาน๊อตตามร้านซ่อมรถมาเปลี่ยนกันก่อน รถในกลุ่มส่วนใหญ่ก็เสือภูเขาธรรมดามาติดตะแกรงหลัง ก็ไปได้ทุกที่ที่มีทาง ไม่ค่อยเน้นเรื่องอะไหล่รถกันเท่าไหร่ ชอบปั่นยาวๆ ไม่ค่อยชอบแวะเที่ยวด้วย


เส้นทางจากเมืองปานอีก 13กิโล ถึงแจ้ซ้อนถ้าไปทางสายหลักใกล้ แต่ร้อน เราเลือกเลาะไปตามหมู่บ้านมีร่มเงา วิวสวย เป็นธรรมชาติ เห็นวิถีชีวิตผู้คน





ผ่านทุ่งนาชาวบ้านกำลังเก็บเกี่ยว ข้าวออกรวงสีเหลืองอร่าม อุดมสมบูรณ์มาก เห็นแล้วปลื่มใจ ดีใจแทนคนไทยทั้งประเทศจริงๆ แต่ทริปนี้ไม่ได้แวะช่วยเกี่ยวข้าว กลัวนิ้วก้อยจะหายซะ


แวะหลบร้อนรอเพื่อนอีกคัน ระหว่างนี้ก็ขอเก็บกระเพราะ พริกขี่หนูข้างทางไปทำกับข้าวมื้อเย็นไปด้วย


มีตะคริวกินกันให้สนุกสนาน ถือว่าชัวลี่แบกของมาหนักไปหน่อย เจอน้องพับลากยาวหน่อยเดียวเสร็จเลย  ถึงทางเข้าแล้ว เลยจากนี้ไปอีกประมาณ80โลก็ถึงเชียงใหม่แล้ว มันช่างน่าปั่นไปจริงๆ



ต้องปั่นขึ้นเขากันอีกสามกิโลถึงตัวอทช.  เสียค่าเข้าคนละ40บาท จักรยานไม่คิด ถ้าปั่นจักรยานมาไม่เก็บค่ากางเต๊นท์ด้วย น่ารักจริงๆ










จุดกางเต๊นที่กว้าง คนกางเต๊นท์ไม่มากนัก แต่ที่บ่อน้ำร้อนนักท่องเที่ยวเยอะมาก รอให้นักท่องเที่ยวซาแล้วลงไปแช่น้ำร้อนคลายกล้ามเนื้อกันดีกว่า ระหว่างนี้ก็กางเต๊นท์กันไปก่อน

กางเต๊นท์เก็บของเสร็จ รีบต้มข้าวพอข้าวเดือดเมล็ดเริ่มบาน ปิดไฟ แล้วก็ปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ กลับมาก็จะได้ข้าวสวยร้อนๆหอมฉุยเลย ง่ายมาก อาบน้ำเสร็จค่อยมาทำกับข้าวต่อ
ที่ในอุทยานมาอาหาร เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ ขายปกตินะครับ กระติกน้ำแข็งก็มีให้เช่าสะดวกมาก อยากกินอะไรซื้อกินได้ทุกอย่าง แช่น้ำร้อนห้องส่วนตัวสี่สิบบาท น้ำร้อนมากๆ ถ้าบ่อด้านนอกน้ำจะแค่ร้อนปกติ ไม่ค่อยซะใจแต่ไม่เสียตัง พอแช่จนสบายตัวก็วิ่งมาลงน้ำเย็นในลำธารต่อสลับไปสลับมาสบายตัว หายเมื่อย


บริเวณลานกลางเต๊นท์ ห้องน้ำมีน้อยไปนิดแต่สะอาดมิดชิดดี มีจุดล้างภาชนะ ทิ้งขยะให้หลายจุด สะดวกดี ช่วงพลบค่ำยุงชุม พอตกดึกยุงหนีไปนอนหมด อากาศสบายๆ เสื้อหนาวถุงนอนพกไปไม่ได้เอามาใช้เลย มีเอาเปลไปผูกนอนเล่นกันด้วย

บ่อน้ำร้อนรวม


ช่วงเช้าถ่ายรูปสวยดี แต่เช้านี้ฟ้าไม่สวย ร้อนด้วย ไม่มีหมอกเลย

บ่อหลักประมาณ85องศาต้มไข่สุกประมาณ15นาที

เงียบๆดี ไม่พลุกพล่านเหมือนเขาใหญ่ อากาศไม่หนาว ไม่มีหมอก ไม่มีน้ำค้าง ฟลายชีทแห้งสนิท กราวชีทก็แห้งสนิท เก็บเต็นท์อย่างสบาย เป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ นั่งเล่น ต้มกาแฟสด กินขนมกันจนสายโด่งถึงออกเดินทาง



เห็นระยะทางแล้วอยากไปเชียงใหม่จริงๆ แต่เค้าว่ากันว่ามีเขาใหญ่ๆที่ต้องปีนอยู่หนึ่งลูกระหว่างทาง
เส้นทางวันนี้ย้อนทางเดิม ระยะทางถึงเหมือนแม่เมาะประมาณ 110กิโล ถึงจะไกลกว่าเมื่อวานแต่ช่วงเมืองปานถึงตัวเมืองหกสิบโลเป็นทางลงซะส่วนใหญ่ เลยตัวเมืองไปก็ขึ้นตลอด มีเนินเขาหลวงที่จะต้องข้ามเขาอยู่บนเส้นทางด้วย จริงๆเราสามารถวิ่งเป็นวงกลมได้โดยออกไปอีกทางซึ่งขนานไปกับเส้นเดิมแต่คนละฝั่งเขา ไกลกว่านิดหน่อย มีเขาเพิ่มมาสองสามลูก แต่เราออกเดินทางกันช้ามากเลยเลือกเส้นทางเดิมจะเหมาะกว่า
ทางในหมู่บ้านวันอาทิตย์เงียบสงบ ไม่มีรถราวิ่งเลย พวกเราเลยขี่กันได้โดดเด่นจริงๆ

ในหมู่บ้านวัดนี้สวยมาก บนเส้นทางที่ผ่านมาวัดสวยๆมากมายแต่ไม่ได้จอดเที่ยวกัน เห็นวัดนี้สะดุดตาตั้งแต่ขาไปเลยขอจอดถ่ายรูปสักห้านาที ปกติไม่ค่อยชอบแวะระหว่างทางสักเท่าไหร่ ยกเว้นร้านกาแฟเท่านั้น


ปั่นไปได้สักพักพบว่าหลงทางไปเจอทุ่งนาสวยมา




ถ่ายรูปกันสนุกเลย ปรากฎว่าวนกลับมาที่เดิม หน้าวัดที่เราแวะพักกัน ตลกจริงๆ สรุปว่าหลงวนไปหนึ่งรอบ แดดเริ่มร้อน ท้องก็เริ่มหิวแล้ว จากที่กะว่าปั่นสบายๆ เริ่มจะไม่สบายซะแล้ว ระยะทางยังเหลืออีก100กิโลเลยสำหรับวันนี้



 ไปเที่ยวหน้าฝนดีอย่าง ดูมันสดชื่น เขียวชะอุ่ม ยิ่งเจอนาข้าวกำลังออกรวงด้วย สวยสุดยอด



กว่าจะหลุดมาร้านข้าวได้สิบโมงกว่าแล้ว แดดเปรี้ยงเลย กินข้าวเสร็จพร้อมออกเดินทาง 11.30น. สภาพเป็นแบบนี้เลย พร้อมลุย

ต่อตอนที่สอง กดเลย



No comments:

Post a Comment