Friday 20 May 2016

จับใส่รถ ไปดูสะพานมอญที่สังขละ

ทริปท่องเที่ยวแบบรถพับ 

20-22 พฤษภาคม หยุดแค่สามวัน ไปมันจนถึงด่านเจดีย์สามองค์กับรถพับคู่ใจ ถ้าพับไม่ได้คงไปไม่ถึง

แผนการเริ่มแรกอยากไปคืนเดียว นั่งรถไฟสายน้ำตกดีกว่า ไปนอนแถวถ้ำกระแซะ ปั่นไปนอนน้ำตกไทรโยคใหญ่ หรือปั่นไปน้ำตกเอราวัณดี หรือไปสักสองคืน ไปมันทั้งสองน้ำตกเลย คิดไปคิดมาถ้าสองคืนนั่งรถไปปั่นถึงสังขละก็ทำได้นี่นา  ที่สำคัญต้องเน้นประหยัด ราคาถูกด้วย รถไฟฟรีสบายอยู่แล้ว



20 พฤษภา เช้ามืด ออกจากบ้านแถวซีคอนปั่นไปขึ้นรถไฟสถานีธนบุรี สายน้ำตก เป็นรถไฟฟรี ออกจากสถานีเวลา 7.50น. เจอทัวริ่งกลุ่มใหญ่ไปทางเดียวกัน แต่จะไปนอนที่น้ำตกเอราวัณ อีกกลุ่มสี่ห้าคันกำลังขึ้นรถไฟขบวนหลังสวนไม่รู้ไปไหน เจอพวกด้วยกันแบบนี้สบายทักทายกันเล็กน้อย ถือโอกาสทิ้งรถไปหาข้าวกิน เข้าห้องน้ำซะเลย กลับมาพอดีเจ้าหน้าที่กำลังประกาศให้ยกจักรยานไปขึ้นตู้สินค้าท้ายชานลา วันนี้รถไฟสายน้ำตกคนเยอะเนื่องจากเป็นวันพระใหญ่ มีชาวพุธไปถือศีลปฏิบัติธรรมกันที่เกาะมหามงคล เป็นสถานีถัดจากถ้ำกระแซะ ใช้ชุดขาวกันเต็มขบวน
จักรยานกลุ่มใหญ่ลงไปหมดแล้ว เหลือเรากับรถพับอีกสองคันมากับแฟนพารถไปขี่เล่นแถวน้ำตก


 เส้นทางรถไฟสายมรณะ มาบ่อยจนชิน ไม่ค่อยสวยเหมือนตอนสมัยเด็กๆเลย
บ่ายโมงกว่าถึงสถานีน้ำตก ลงจากรถปั่นจักรยานไปหาข้าวกิน สอบถามรถเมล์แดง วกไปวนมาหลายรอบอากาศก็ร้อนกว่าจะได้กินข้าวเกือบบ่ายสอง ได้ความว่ารถเมล์แดงเข้าสังขละหมดแล้ว อาจต้องไปต่อรถตู้ที่ทองผาภูมิ อ้าวเรารถพับมันขึ้นรถตู้ไม่ได้นี่หว่า เริ่มเซ็ง กินข้าวไม่ลง อากาศร้อนอบอ้าวมาก ดูเวลาสองโมงกว่าแล้วชักอยากกลับบ้านแทนละ

ขี่ไปดูแถวร้านค้าหน้าน้ำตกไทรโยค เจอรถบขส ป1 ไปด่านเจดีย์จะติดไปด้วยก็ไม่ได้คำตอบ ไปถามร้านค้าแถวนั้นบอกรถเมล์แดงไปสังขละยังมี มีคนรอร่วมทางอีกสี่ห้าคน รอจะสามโมงคิดว่าไม่มาจะหารถโบก หรือว่าเปลี่ยนแผนนอนน้ำตกไทรโยคใหญ่แทน สุดท้ายรถก็มาจนได้ ใจไม่ดีเลย รถว่างนั่งแถวหลังสบายเลย ออกมาได้หน่อยฝนก็เทลงมาอากาศเย็นสบาย ชีวิตเดินช้าลงไปทันที ไม่ได้นั่งรถเมล์แบบนี้มานานมากแล้ว บอกกระเป๋าลงป้อมปี่ เขื่อนเขาแหลมนะ  ถึงแล้วบอกด้วย ค่ารถ 110 บาท จ่ายแล้วรีบแกล้งหลับเลย กลัวโดนเก็บค่าระวาง

มาถึงทองผาภูมิฝนก็หยุดตก ช่างเป็นใจจริงๆ เพราะรถเราเปลี่ยนใจไม่ไปสังขละแล้ว ยกผู้โดยสารให้รถทองผาภูมิ-สังขละไปแทน รวมๆสิบเจ็ดคนได้ เลยต้องย้ายไปอัดกันบนรถคันใหม่เล็กกว่าคันเดิม ผู้โดยสารเต็มคัน ใจไม่ค่อยดีรถจักรยานเราจะขึ้นยังไงฟะ กระเป๋ารถคันเก่ารีบช่วยเรายกจักรยาน กระเป๋าข้ามถนนมาฝากฝังให้กระเป๋าคันใหม่จับยัดใส่ช่องเก็บของเล็กๆด้านหลังได้พอดี แล้วบอกให้ไปขึ้นด้านหน้าจะได้บอกคนขับขอลงป้อมปี่ รถออกมาได้พักเดียวฝนก็เทลงมาอย่างหนัก ตอนนั้นคิดว่าถ้าถึงป้อมปี่ฝนไม่หยุดก็จะไปสังขละเลยดีกว่า
เกือบห้าโมงรถมาถึง อทช เขื่อนเขาแหลม เหมือนฟ้าเป็นใจฝนหยุดตกซะงั้น เราเลยได้ลงป้อมปี่สมใจ ตั้งใจมาพักที่นี้หนึ่งคืน เพราะทริปนี้ อยากมารู้จักกับเนินช้างร้องที่ใครๆหลายคนพูดถึงกัน ถ้านั่งรถเข้าสังขละเลยคงเสียใจแย่ ค่าเข้าอทช รวมกางเต๊น 70 บาท ค่าจักรยานไม่คิด
เส้นทางจากทองผาภูมิถึงป้อมปี่เป็นทางขึ้นเขาลงเขา ไม่ชันมาก โค้งไม่โหดเท่าแถวภาคเหนือ แต่ถนนสองเลนแคบมาก ไม่มีไหล่ทางเลย ถ้าขี่จักรยานคงไม่เหมาะ อันตรายกับรถที่ผ่านไปมาได้ รถมันคงไม่ชนเราแต่มันจะชนกันเอง หรือสร้างความลำบากให้ผู้ขับขี่เป็นอย่างมาก ถ้าจะไปควรขี่เว้นระยะมากๆ เพื่อให้รถมีช่องว่างให้หลบกันได้ หลบเลี่ยงช่วงเทศกาล รถใช้เส้นทางเยอะ แต่ก็เป็นเส้นทางที่น่ามาสัมผัสสักครั้งหนึ่งในชีวิตเหมือนกัน "แบ่งๆกันไป"
บรรยากาสฟ้าหลังฝน พื้นยังเปียกอยู่ ห้าโมงกว่าแล้ว แต่ร้อนอบอ้าวนะ ไม่สบายตัวเอาซะเลย เขื่อนเขาแหลมน้ำน้อยมาก เห็นแพเกยตื้นกันเต็มไปหมด

กางเต๊นซะอย่างดี สุดท้ายยุบดีกว่า ไม่รู้จะกางไว้ทำไม ข้อเสียอย่างแรงของการไปคนเดียว คือ ตอนไม่ได้ปั่นจักรยาน ไม่รู้จะทำอะไร คนกรุงปกตินอนดึกอยู่แล้วด้วย กว่าจะข่มตาหลับได้เกือบเที่ยงคืน
ที่กางเต๊นสวยดีเลือกตามใจ ห้องน้ำสะอาด แต่มีน้อยห้อง มีร้านอาหาร ไม่มีมาม่าขาย เลยสั่งข้าวผัดใส่ห่อไว้กินตอนกลางคืน ไปถึงห้าโมงกว่า หาทำเลสวยๆผูกฟลายชีท ผูกเปลเสร็จเดินเล่น ไม่มีอะไรทำ ยุงตัวโตๆชุม แต่ไม่ดุมาก
วันนี้มีหลายกลุ่มมากางเต๊นปิคนิคกัน ของกิน ปิ่งย่างหอมชวนให้อิจฉา เรามาแบบไม่ตั้งตัวไม่ได้เตรียมอะไรเลย น้ำสีก็ไม่มี มาม่าสักซองก็ไม่มี คิดไปคิดมาจะมานอนทำไมซะไกล มาคนเดียวแบบนี้ คงไม่ได้นั่งปิ่งย่าง คุยเล่นกับใคร เดียวมืดก็มองไม่เห็นวิวแล้ว เลยเก็บของแพ็คใส่รถเข็นขึ้นมาที่ร้านอาหาร ขอผูกเปลมันในร้านดีกว่า ไม่ยุ่งยากดี ใกล้ห้องน้ำ มีน้ำร้อน ดูทีวีไปพลางๆ ก่อนนอน สุดท้าย ตกกลางคืนฝนตก ลมแรงทั้งคืน นอนในโรงอาหารสบายไป ไม่เปียก ลมแรงฝนสาด ต้องลุกมาเปลี่ยนเสาเปลใหม่ ก็หลับสบายยันเช้าเลย

เช้าตื่นมาหกโมงกว่า พับเปลยังใส่กระเป๋า ออกมาจุดชมวิวหาบรรยากาสกินกาแฟซักหน่อย ฝนก็เทมาอีกรอบ เลยต้องไปหลบแถวบ้านพักว่างๆแทน
มีหมอกตามยอดเขานิดหน่อย แต่ก็ยังร้อนอยู่ดี ต้องอาบน้ำตอนเช้าด้วย เหนียวตัวมาก
มื้อเช้าไปคนเดียวแบบนี้ กาแฟ3-1 ขนม ข้าวผัดเหลือตอนเย็น พอสำหรับไต่เนินช่วงแรกๆ เดียวค่อยไปหาอาหารหนักกินระหว่างทาง


ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อย นานๆจะมีโอกาสมาที ถึงเวลาปั่นจริงๆละ เมื่อวานนั่งรถทั้งวัน เหนื่อยมากมาย
ออกเดินทาง 7.30 น. เส้นทางจากป้อมปี่ ไปแยกเข้าสังขละ ระยะทางประมาณ 28 กิโล เป็นเนินขึ้นๆลงๆ เช้าๆอากาศดี ขึ่สนุกมาก ไปเรื่อยๆ ฝนลงปรอยๆ ขี่ไปร้องเพลงไปคนเดียว เหมือนคนบ้า 555





เพื่อนร่วมทางกำลังข้ามถนน เช้านี้นับหอยทากได้ห้าตัว จนต้องหยุดลงมาถ่ายรูป อยากรู้จังมันจะข้ามถนนไปไหนกัน การเดินทางด้วยจักรยานมันช่างเชื่องช้าเสียจริงๆ


เจอบ้านหลังเล็กน่ารัก มีเลี้ยงเป็ด ปลูกผัก ด้านหลังเป็นเขื่อนเขาแหลม สวยมากจริงๆ บรรยากาสดีๆ แบบนี้ถ้านั่งรถยนต์คงมองข้ามไปหมด
ช่วงแรกไปพักเอาแรง กินข้าวกินน้ำที่สะพานรันตี เพราะหลังจากนี้ไปจะต้องไต่เขาชันๆ 3 ลูก ลูกละ3พับ ลูกสุดท้ายใหญ่สุด จากนั้นก็ไหลลงไปสามแยก ซ้ายไปอำเภอสังขละ ขวาไปด่านเจดีย์สามองค์




แวะจุดชมวิว มีร้านค้า ร้านก๊วยเตียว ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ เช้านี้ก๊วยเตียวน้ำยังไม่เดือด เลยซื้อมาม่า ไข่ แล้วก็ขอยอดฟักแม้วมานิดหน่อย ใส่มาม่าต้มกินเอง กาแฟฟรีก็มีบริการที่ป้อมยามทหารด้านล่าง  ลงไปเติมน้ำน้องๆทหารเรียกกินข้าวอีก เสียดายอิ่มซะแล้ว



อาหารประจำชาติ นักเดินทางมาม่าใส่อะไรก็อร่อย เมื่อคืนไม่ได้เตรียมไป หาซื้อก็ไม่ได้ เลยจัดมื้อเช้าซะเลย เป็นพลังงานไต่เนินช้างร้อง

 จิบกาแฟแกล้มกับวิวแม่น้ำรันตียามเช้า ไม่อยากไปต่อเลย

ออกจากด่านตรวจจุดนี้ไปก็เป็นการขึ้นเขาตลอด ขึ้นๆลงๆสลับกันสามลูก ลูกสุดท้ายใหญ่ที่สุด น่าจะเป็นจุดที่หลายๆคนเรียกกันว่า "เนินช้างร้อง" ซึงกระผมและซีอุยก็ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีเข็นให้เสียอารมณ์ หลังจากนี้ก็จะลงยาวๆ จนถึงสามแยกเข้าตัวอำเภอสังขละกันเลย
เริ่มโค้งแรกก็ชันเลย ถ่ายรูปมาอาจจะดูเหมือนไม่ชันเท่าไหร่ ถือว่าชันสุดๆเหมือนกัน แต่ยังสูงแถวแม่ฮ่องสอนไม่ได้  สำหรับน้องซีอุย คราวนี้ใส่ระบบขับเคลื่อน alfine11 จานหน้า39ฟัน ปั่นขึ้นได้สบายๆ ถึงปลายๆเนินจะเมื่อยขาบ้างแต่ก็ถือว่าไปได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะตอนออกตัว สามารถปั่นจากกลางเนินขึ้นไปได้เลย เป็นข้อได้เปรียบของระบบเกียร์ดุม

ค่อยๆไต่เรื่อยๆ ทำใจร่มๆ สักพักเดียวก็ถึงจุดสูงสุด มองเห็นเจดีย์พุทธคยาจำลองแต่ไกล คราวนี้ก็ลงชันสุดๆ อันตรายกว่าขาขึ้นเยอะ
ลงได้ครึ่งทางต้องจอดพักเบรค ขอบล้อร้อนจี๋ จับไม่ได้เลย กลัวยางระเบิด ยิ่งล้อเล็กๆจะร้อนเร็วน่ากลัวกว่าล้อ26นิ้วเยอะ ถ้าเป็นดิสเบรคก็สบายไป
ปั่นลงมาถึงสามแยกมองไปทางซ้ายเห็นปั๊มปตท มี711 ด้วย รีบเลี้ยวเข้าไปตากแอร์ก่อนเลย จากนั้นตามด้วย นม ขนมปัง สปอนเซอร์ ครึงสูตร เพิ่งจะ11โมงกว่า พออิ่มแล้วก็มีแรง ท้องฟ้ามีเมฆไม่มีแดด ต่อไปด่านเจดีย์สามองค์เลยก็แล้วกัน อีกสิบกว่าโล เวลายังเหลือเยอะ


อ้อมภูเขานี้ไปก็ถึงแล้ว เส้นทางไปด่านขาไปพบว่าเหนื่อยมาก เนื่องจากเป็นทางขึ้นเขาซึมๆซะส่วนมาก  ช่วงหลังอีกสี่ห้ากิโลเป็นทางขึ้นเขา แดดออก ลมแรง คิดในใจว่าขากลับคงต้องใส่สองแถว หรือโบกรถกลับดีกว่า หมดแรงแล้ว ดีหน่อยพอพ้นเขาไปก็ไหลลงยาวถึงด่านเลย

 ที่ด่านเจดีย์สามองค์มีทัวประเทศพม่าแบบรายหัว 200-300บาท มีเวลาก็เข้าไปเที่ยวได้ แต่สำหรับเราขอไปแบบจัดเต็มทีเดียวดีกว่า ไม่นานคงได้ไป
ไปถึงด่านเกือบบ่ายโมงแวะถ่ายรูปนิดหน่อย กินข้าวกลางวันราคาถูกมาก โค๊ก1ขวด น้ำแข็งฟรีเติมไปหลายแก้วเลย พักดูสาวพม่าจนหายเหนื่อย มองหารถสองแถวก็ไม่มี ค่อยๆขี่ขึ้นเนินกลับไปเรื่อยๆ แดดก็ไม่ร้อน แป๊ปเดียวพอพ้นเขาก็ไหลลง คราวนี้ลงยาว แทบไม่ต้องออกแรง ตามทางมีด่านตรวจทหาร แวะกินน้ำเย็นๆ พักเดียวก็ถึงสามแยกแล้ว เร็วกว่าขาไปเท่าตัวทีเดียว


รูปเยอะ เริ่มยาวขอไว้ต่อตอน2 ดีกว่า


No comments:

Post a Comment